เริ่มต้นเข้าสู่เดือนสุดท้ายของปี ตลาดหุ้นโลกทั้งสหรัฐอเมริกาและยุโรปต่างก็ปรับตัวลง หลังยอดการใช้จ่ายช่วงเทศกาลของสหรัฐซบเซา และตัวเลขภาคการผลิตของยูโรโซนปรับตัวลดลง ทำให้เมื่อคืนนี้ (1 ธันวาคม 2557) ตลาดหุ้นนิวยอร์กดัชนีดิ่งลง โดยดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 17,776.80 จุด ลดลง 51.44 จุด หรือ -0.29% , ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,727.35 จุด ลดลง 64.28 จุด หรือ -1.34% และ ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,053.44 จุด ลดลง 14.12 จุด หรือ -0.68%
สาเหตุที่ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กซบเซา เกิดขึ้นหลังจาก NRF รายงานว่า การใช้จ่ายในช่วงเทศกาลขอบคุณพระเจ้าปรับตัวลงเป็นครั้งที่ 2 นับตั้งแต่ปี 2551 โดยผลสำรวจประเมินว่ายอดการใช้จ่ายทั้งหมดในช่วงวันขอบคุณพระเจ้า ตั้งแต่วันพฤหัสบดีถึงวันอาทิตย์ที่ผ่านมาของปีนี้ อยู่ที่ระดับ 5.09 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ต่ำกว่าระดับ 5.74 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีก่อนหน้า
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากมาร์กิตเปิดเผยผลสำรวจที่ระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐในเดือนพ.ย.ลดลงแตะ 54.8 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 10 เดือน และสถาบัน ISM ของสหรัฐรายงานว่า ดัชนีภาคการผลิตเดือนพ.ย.ลดลงสู่ระดับ 58.7 จาก 59.0 ในเดือนต.ค.
ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปปิดตลาดเมื่อคืนนี้ (1 ธันวาคม 2557) ดัชนี่ตกวูบไม่น้อยหน้ากัน โดยดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.5% ปิดที่ 345.64 จุด , ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศส ปิดที่ 4,377.33 จุด ลดลง 12.85 จุด หรือ -0.29% , ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมัน ปิดที่ 9,963.51 จุด ลดลง 17.34 จุด หรือ -0.17% และ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอน ปิดที่ 6,656.37 จุด ลดลง 66.25 จุด หรือ -0.99%
สาเหตุที่ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลง เกิดขึ้นหลังจากผลสำรวจของมาร์กิต ระบุว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตของยูโรโซนในเดือนพ.ย.ปรับตัวลงแตะ 50.1 จากระดับ 50.6 ในเดือนต.ค. และลดลงจากตัวเลขเบื้องต้นเดือนพ.ย.ที่ระดับ 50.4 ซึ่งบ่งชี้ว่า ภาคการผลิตของยูโรโซนเข้าสู่ภาวะชะงักงัน ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานยังคงร่วงลง หลังกลุ่มโอเปคมีมติคงเพดานการผลิตน้ำมันในการประชุมล่าสุด
ข่าวเด่น