กลยุทธ์วันนี้ Selective Buy
ตลาดหุ้นวานนี้:
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวลงวันที่ 3 ติดต่อกัน จากการปรับตัวลงต่อของหุ้นกลุ่มพลังงาน -3.8% และปิโตรเคมี -3.9% เป็น Sentiment ลบต่อภาพการลงทุนโดยรวม นอกจากนั้น การปรับตัวลงต่ำกว่าระดับแนวรับสำคัญบริเวณ 1,550 จุด ส่งผลให้นักลงทุนขายเพื่อปิดความเสี่ยงภายใต้บรรยากาศการลงทุนที่ผันผวน ส่งผลให้ SET INDEX ปิดที่ 1,526.81 จุด ลดลง 32.75 จุด หรือ -2.1% มูลค่าการซื้อขาย 8.1 หมื่นล้านบาท และมีจุดต่ำสุดระหว่างวันที่ 1,508.24 จุด
นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิวันที่ 2 ติดต่อกัน 3,382 ล้านบาท และ Short สุทธิ SET50 Index Future เป็นวันที่ 7 ติดต่อกัน 4,332 สัญญา แต่ซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้ 4,934 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
· ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เมื่อคืนนี้ ปรับตัวลงต่ำกว่าระดับ US$60.00/barrel ปิดที่ US$59.95/barrel ทำระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี
· ยอดค้าปลีกเดือน พ.ย.ของสหรัฐฯ +0.7% mom ดีกว่าคาดการณ์ของตลาด เริ่มส่งสัญญาณบวกว่ากำลังซื้อภาคบริโภคดีขึ้นจากประโยชน์ของราคาน้ำมันดิบที่ลดลง
· ติดตามการประชุมนโยบายทางเศรษฐกิจของจีน โดยปัจจัยสำคัญอยู่ที่คาดการณ์การเติบโตของ GDP ในปี 2558 ว่าจะสูงกว่าระดับ 7% หรือไม่
· ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจเดือน พ.ย.ของจีนรายงานเวลา 12.30 น. วันนี้ ได้แก่ ยอดค้าปลีก และผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ทั้งนี้ Bloomberg Consensus คาด เติบโต 11.50% yoy และ 7.5% yoy ตามลำดับ
ประเด็นสำคัญสัปดาห์หน้า
· การเลือกตั้งของญี่ปุ่นในวันอาทิตย์นี้ และคาดว่าตลาดญี่ปุ่นมีโอกาสตอบรับเชิงบวกในสัปดาห์หน้าจากโอกาสในการมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
· ตลท.จะประกาศหุ้นเพิ่ม / ลดในการคำนวณดัชนี SET 50 ในวันที่ 15 / 16 ธ.ค. คาดหุ้นที่ถูกเพิ่มเข้าสู่ดัชนี SET 50 ได้แก่ CK, KTIS, HEMRAJ, SPALI และถูกถอดออก ได้แก่ BAY, KKP, GLOBAL, THCOM
· การประชุมธนาคารสหรัฐฯ, การประชุม กนง. และการเลือกตั้งประธานาธิบดีของกรีซ ในวันพุธที่ 17 ธ.ค.
มุมมองต่อตลาด
เรามีมุมมองการลงทุนเป็น ?กลาง? ต่อการลงทุนในวันนี้ โดยคาดว่าจะแกว่งตัวในกรอบ 1520 - 1540 จุด และประเมินว่า SET INDEX มี Downside ที่จำกัดมากขึ้น หลังปรับตัวลงติดต่อกัน 3 วันทำการรวม 71 จุด และส่งผลให้ Valuation มีความตึงตัวลดลงบนระดับ PER 2558 ที่ 13.8x เทียบกับ อินโดนีเซียที่ 14.7x และฟิลิปปินส์ที่ 17.4x
อย่างไรก็ตาม Upside ของตลาดยังคงจำกัดเช่นกันในระยะสั้น เนื่องจากหุ้นกลุ่มพลังงานซึ่งเป็นหุ้นกลุ่มหลักยังมีทิศทางการฟื้นตัวที่ลำบาก จากราคาน้ำมันดิบ NYMEX และ BRENT ที่ลดลงต่อเช้านี้ ดังนั้น ในระยะสั้น ยังแนะนำให้หลีกเลี่ยงการลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงาน / ปิโตรเคมี จนกว่าราคาน้ำมันดิบจะทรงตัวได้
กลยุทธ์การลงทุน
คงคำแนะนำ "เลือกซื้อรายตัว" หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการปรับตัวลงของราคาน้ำมันดิบ เช่น กลุ่มวัสดุก่อสร้าง / รับเหมาก่อสร้าง / สายการบิน และหุ้นเงินปันผลสูง เช่น กลุ่มสื่อสาร ที่คาดว่าจะปรับตัว Outperform ตลาดได้จากเม็ดเงิน LTF ที่ไหลเข้าสู่ตลาดในเดือน ธ.ค.
Portfolio
Top Pick in 4Q14: BEAUTY / IFEC/ LPN/ PTT/ VGI
HOLD: SAMART/ SPCG/ IFEC/ BTS/ SIM/ CK/ LPN/ VGI/ PTT/ KTB
Speculative Buy : AAV, TPIPL
ข่าวเด่น