ช่วงใกล้เทศกาลคริสต์มาส ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ตลาดหุ้นโลกร่วงไม่เป็นท่า เหตุผลหนึ่งนอกจากภาวะตลาดที่มีปัจจัยเข้ามากระทบแล้ว ส่วนหนึ่งนักลงทุนต้องการเซพตัวเองและเก็บเงินไว้กับตัวเพื่อเฉลิมฉลองเทศกาล ล่าสุดเมื่อคืนนี้(15 ธ.ค.) ตลาดหุ้นนิวยอร์กและตลาดหุ้นยุโรปก็ยังคงร่วงแรงโดยนักลงทุนกระหน่ำเทขาย จนดัชนีดาวโจนส์ ร่วง 99.99 จุด ปิดที่ 17,180.84 จุด หรือ -0.58% และดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,605.16 จุด ลดลง 48.44 จุด หรือ -1.04% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,989.63 จุด ลดลง 12.70 จุด หรือ -0.63% ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากแรงเทขายหุ้นในกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง หลังมีกระแสข่าวว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) จะไม่ปรับลดเพดานการผลิต
ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้เช่นกัน โดยดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 2.2% ปิดที่ 323.29 จุด, ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศส ปิดที่ 4,005.38 จุด ร่วงลง 103.55 จุด หรือ -2.52% , ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมัน ปิดที่ 9,334.01 จุด ดิ่งลง 260.72 จุด หรือ -2.72% และดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 6,182.72 จุด ลดลง 117.91 จุด หรือ -1.87%
ปัจจัยหลักที่กดดันตลาดหุ้นยุโรปให้ร่วงลง เกิดจากกรณีที่ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก ระบุว่า ดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) ในเขตนิวยอร์ก ปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 2 ปีในเดือนธ.ค. โดยดัชนี Empire State Index ร่วงลงแตะ -3.58 ในเดือนธ.ค. จากระดับ +10.16 ในเดือนพ.ย. โดยค่าดัชนีที่ต่ำกว่า 0 บ่งชี้ถึงการหดตัวลงของภาคการผลิต
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการที่นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง โดยหุ้นโททาล ร่วงลง 2.8% หุ้นบีพี ดิ่งลง 3.2% และหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ดิ่งลง 2.3%
ข่าวเด่น