ตลาดหุ้นสำคัญๆ ของโลก ปิดตลาดเมื่อคืน (16 ธันวาคม 2557)สวนทางกัน โดยตลาดหุ้นอเมริกาปรับตัวลดลงจากความกังวลเรื่องราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ร่วงลงหลุดจากระดับ 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะตลาดหุ้นยุโรปกลับปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังหุ้นในกลุ่มพลังงานและกลุ่มรถยนต์ปรับตัวเพิ่มขึ้น
โดยดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,068.87 จุด ร่วงลง 111.97 จุด หรือ -0.65% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,547.83 จุด ลดลง 57.33 จุด หรือ -1.24% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,972.74 จุด ลดลง 16.89 จุด หรือ -0.85% นอกจากปัจจัยความกังวลเรื่องราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลงแล้ว ซึ่งอาจส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจของประเทศที่ต้องพึ่งพาการส่งออกน้ำมัน ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ รวมถึงดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนธ.ค. ที่มาร์กิตระบุว่าดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนธ.ค.ของสหรัฐปรับตัวลงแตะระดับ 53.7 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 11 เดือน จากเดือนพ.ย.ที่ระดับ 54.8 ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนพ.ย.ปรับตัวลง 1.6% แตะที่ระดับ 1.028 ล้านยูนิต และตัวเลขการอนุญาตก่อสร้างเดือนพ.ย. ลดลง 5.2% แตะที่ 1.035 ล้านยูนิต
สำหรับตลาดหุ้นยุโรปปิดตลาดเมื่อคืนนี้ (16 ธันวาคม 2557) ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 1.7% ปิดที่ 328.88 จุด ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,563.89 จุด พุ่งขึ้น 229.88 จุด หรือ +2.46% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,093.20 จุด เพิ่มขึ้น 87.82 จุด หรือ +2.19% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,331.83 จุด เพิ่มขึ้น 149.11 จุด หรือ +2.41%
โดยตลาดหุ้นยุโรปได้รับปัจจัยบวกจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มรถยนต์ซึ่งได้ช่วยบรรเทาความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจทั่วโลก หลังจากมีรายงานว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นของจีนในเดือนธ.ค.ลดลงแตะ 49.5 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือน จาก 50.0 ในเดือนพ.ย. ส่วนดัชนี PMI เบื้องต้นของเยอรมนีในเดือนธ.ค.ลดลงแตะ 51.4 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 18 เดือน จาก 51.7 ในเดือนพ.ย
ข่าวเด่น