ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (13 มกราคม 2558) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,613.68 จุด ลดลง 27.16 จุด หรือ -0.15% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,661.50 จุด ลดลง 3.21 จุด หรือ -0.07% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,023.03 จุด ลดลง 5.23 จุด หรือ -0.26%
ในช่วงแรกนั้น ดัชนีดาวโจนส์ทะยานขึ้นไปกว่า 282 จุด เนื่องจากมีปัจจัยบวกจากผลประกอบการของเอกชนรายใหญ่ ประกอบกับ สมาพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติของสหรัฐ (NFIB) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจขนาดย่อมของ NFIB เพิ่มขึ้น 2.3 จุด สู่ระดับ 100.4 ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2006 โดยข้อมูลดังกล่าวตอกย้ำถึงความแข็งแกร่งของปัจจัยพื้นฐานของสหรัฐ ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนเริ่มเทขายทำกำไรในช่วงบ่าย และยังคงมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ราคาน้ำมันส่งผลให้ปิดตลาดในแดนลบ
ด้าน ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (13 มกราคม 2558) ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 1.4% ปิดที่ 344.77 จุด ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,290.28 จุด เพิ่มขึ้น 62.04 จุด หรือ +1.47% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,941.00 จุด เพิ่มขึ้น 159.10 จุด หรือ +1.63% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,542.20 จุด เพิ่มขึ้น 40.78 จุด หรือ +0.63%
ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงหนุนหลังจากดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อของอังกฤษ เคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 0.5% ในเดือนธ.ค.2557 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 15 ปี เนื่องจากราคาน้ำมันได้ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับหุ้นกลุ่มค้าปลีกพุ่งขึ้น โดยเทสโก้ พุ่งขึ้น 3.6% หุ้นเจ แซนบิวรี ปรับขึ้น 3.6% หุ้นโอคาโด กรุ๊ป ดีดตัวขึ้น 2.5% ส่วนหุ้นวิลเลียม มอร์ริสัน ซูเปอร์มาร์เก็ต พุ่งขึ้น 4.5%
ข่าวเด่น