- ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องกว่า 5% จากวันจันทร์ แตะระดับเกือบต่ำสุดในรอบ 6 ปี หลังจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งถือเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของผู้ผลิตน้ำมันในกลุ่มประเทศโอเปกออกมายืนยันว่า สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์จะไม่ลดกำลังการผลิตเพื่อที่จะรักษาส่วนแบ่งการตลาดไว้ นอกจากนี้รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ยังกล่าวอีกว่า โอเปกไม่มีความจำเป็นที่จะต้องลดกำลังการผลิตเพื่อพยุงราคาน้ำมันดิบไว้ แต่ผู้ผลิตน้ำมันที่มีต้นทุนสูงเช่นสหรัฐฯ ต่างหากที่ต้องเป็นผู้ลดปริมาณการผลิตลง นอกจากนี้ตลาดยังคาดว่าโอเปกจะยังผลิตอยู่ที่ระดับเดิมไปจนกว่าจะมีการประชุมโอเปกครั้งถัดในเดือน มิ.ย. 58
- สำนักงานข้อมูลสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) คาดการณ์ปริมาณการผลิตน้ำมันภายในประเทศของสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 720,000 บาร์เรลต่อวันไปอยู่ที่ระดับ 9.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในปี 58 ขณะที่ ในปี 59 คาดว่าปริมาณการผลิตน้ำมันภายในประเทศของสหรัฐฯจะเพิ่มขึ้นเพียง 200,000 บาร์เรลต่อวันสู่ระดับ 9.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยอัตราการผลิตที่เพิ่มขึ้นนี้ถือเป็นระดับที่น้อยที่สุดนับตั้งแต่ปี 54 เป็นต้นมา
- สถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานของสหรัฐฯ (API) รายงานปริมาณนํ้ามันดิบคงคลังปรับเพิ่มขึ้น 3.9 ล้านบาร์เรลมาอยู่ที่ระดับ 386.7 ล้านบาร์เรล ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับเพิ่มขึ้นที่ 417,000 บาร์เรล ทั้งนี้ก็เนื่องจากการนำเข้านํ้ามันดิบของสหรัฐฯ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นราว 373,000 บาร์เรลต่อวัน มาสู่ระดับ 6.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน นอกจากนี้ ปริมาณนํ้ามันดิบคงคลัง ณ จุดส่งมอบคุชชิ่งโอกลาโฮมาปรับเพิ่มขึ้นเช่นกันที่ 1.7 ล้านบาร์เรล ขณะที่ปริมาณนํ้ามันเบนซินคงคลังและนํ้ามันดีเซลคงคลังก็ปรับเพิ่มขึ้น 1.6 ล้านบาร์เรล และ 416,000 บาร์เรล ตามลำดับ ซึ่งถือว่าน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ ในขณะที่อุปทานยังคงล้นตลาด โดยคาดว่าจะมีการส่งออกจากยุโรปมาสู่ภูมิภาคเอเชียมากขึ้น นอกจากนี้ อุปสงค์ที่ยังคงอ่อนตัวเนื่องจากภาวะอากาศที่แปรปรวนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคเอเชียเหนือ ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันเบนซินเพื่อการเดินทางลดน้อยลง
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบเล็กน้อย เนื่องจากอุปสงค์ในภูมิภาคยังคงอยู่ในระดับทรงตัว อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันดีเซลยังคงถูกกดดันอย่างต่อเนื่อง จากอุปทานที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากไต้หวันและอินเดีย
ทิศทางราคาน้ำมันดิบ
ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 45-50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 46-51 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
ติดตามภาวะอุปทานน้ำมันดิบที่ล้นตลาด หลังจากผู้ผลิตทั้งฝั่งโอเปกและนอกโอเปกยังไม่มีทีท่าที่จะลดกำลังการผลิตลง อย่างไรก็ดี ซาอุดิอาระเบียยืนยันว่าประเทศยังสามารถรับมือกับราคาน้ำมันดิบที่อยู่ในระดับต่ำได้ ถึงแม้ว่าราคาน้ำมันที่ทรุดตัวลงจะส่งผลให้ซาอุดิอาระเบียขาดดุลงบประมาณปี 58 กว่า 3.86 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ หลังจากที่มีงบประมาณเกินดุลอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลาหลายปี
ติดตามวิกฤติเศรษฐกิจของรัสเซีย ซึ่งเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ของโลก หลังเศรษฐกิจของประเทศได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันดิบที่ตกต่ำ รวมทั้งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ หลังเผชิญกับมาตรการคว่ำบาตรจากกลุ่มประเทศตะวันตก ส่งผลให้ค่าเงินรูเบิลอ่อนค่าลงมากที่สุดเป็นประวัติการณ์
ความกังวลในประเด็นการเลือกตั้งของกรีซที่จะจัดขึ้นในวันที่ 25 ม.ค. 57 ซึ่งเป็นการชี้ชะตาว่ากรีซจะสามารถรั้งสถานภาพการเป็นสมาชิกยูโรโซนต่อไปได้หรือไม่ ซึ่งหากพรรคฝ่ายค้าน ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง ก็อาจจะส่งผลให้กรีซเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ และพ้นจากการเป็นชาติสมาชิกของยูโรโซน เนื่องจากหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านมีแนวโน้มที่จะยุติมาตรการรัดเข็มขัด ซึ่งขัดแย้งกับเงื่อนไขที่กลุ่มยูโรโซนตั้งไว้
ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตาม
วันพฤหัสยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ - ธ.ค. 57
ดัชนีราคาผู้ผลิตของสหรัฐฯ - ธ.ค. 57
จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯ - 9 ม.ค.
วันศุกร์ดัชนีราคาผู้บริโภคยูโรโซน - ธ.ค. 57
ดัชนีราคาผู้บริโภคสหรัฐ - ธ.ค. 57
ข่าวเด่น