สรุปภาวะตลาดวันก่อน    : SET +2.27 จุด ไซด์เวย์กรอบแคบ รอผลประชุม ECB
SET แกว่งไซด์เวย์บวกและลบสลับกันในกรอบแคบ 1530-40 แม้นลท.คาดหวังประชุม ECB 22 ม.ค. นี้จะออกมาตรการกระตุ้นศก.เพิ่ม (Public QE) แต่ถูกถ่วงด้วย IMF ปรับลดคาดการณ์ศก.โลกปี 15F ลงจากโต 3.8% เป็น 3.5% ปี 16F จาก 4.0% เป็น 3.7% ต่างชาติพลิกมาซื้อสุทธิ 813 ลบ. ยุติการขาย 8 วันติดต่อกัน

ทิศทางตลาดวันนี้    : แกว่งแคบแบบไซด์เวย์อัพ ปธ.ECB เตรียมเสนอ QE
หุ้นโลกเมื่อคืน (21 ม.ค.) ปิดบวก โดยเฉพาะตลาดหุ้นยุโรปที่บวกติดต่อกันตลอดทั้งสัปดาห์นี้ จาก Draghi ปธ.ECB เตรียมเสนอมาตรการผ่อนคลายการเงินเชิงปริมาณ (Public QE) ด้วยการซื้อพันธบัตรเดือนละ 5 หมื่นล้านยูโรตลอดทั้งปีนี้ นอกจากนี้ราคาน้ำมันยังดีดตัวขึ้นราว 2-3% หลังเลขาธิการกลุ่ม OPEC ระบุราคาน้ำมันจะเข้าสู่ภาวะปกติในเร็ว ๆ นี้  มอง SET แกว่งแคบต่อแบบไซด์เวย์อัพ จากแรงเก็งผลประชุม ECB 22 ม.ค. และราคาน้ำมันที่รีบาวด์ น่าจะช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน-ปิโตรเคมี แนวต้าน 1540-42, 1548 แนวรับ 1530 วันนี้ติดตามการเปิดเผยข้อมูลภาคการผลิต (PMI) เบื้องต้นในเดือน ม.ค. ทั่วโลก (จีน, สหภาพยุโรป, สหรัฐฯ)

กลยุทธ์การลงทุน    : กระชับพอร์ตมากขึ้น, ทยอยขายล็อกกำไรที่ 1540 ขึ้นไป

แม้การประชุม ECB 22 ม.ค. คาดประกาศทำ Public QE แต่เชื่อยังไม่มีรายละเอียดมาก และจะยังไม่เริ่มซื้อสินทรัพย์จนกว่าจะถึงเดือน มี.ค.แล้ว ดังนั้นอาจสร้างความผิดหวังและเกิดการขายทำกำไรในลักษณะ Sell on Facts ได้  ท่ามกลางกระแสเงินทุนตปท.ไหลออกจากความกังวลศก.โลกชะลอตัว และแนวโน้มการหั่นประมาณการกำไรบจ.ลงในระยะ 1-2 เดือนข้างหน้านี้ (โดยเฉพาะในกลุ่มพลังงาน-ปิโตรเคมี และหุ้นที่เกี่ยวข้องกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์) ทำให้เราเชื่อว่า Upside ของ SET ระยะสั้นเริ่มจำกัดที่บริเวณ 1540-50 ซึ่งเป็นระดับขายล็อกทำกำไรระยะสั้น ประเด็นหุ้นเทรดดิ้งระยะสั้น (1) หุ้นได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันขาลง กลุ่มขนส่ง ชอบ RCL, TTA, PSL, NOK, AAV, AOT กลุ่มค้าปลีก ชอบ BEAUTY, ROBINS (2) หุ้นได้ประโยชน์จากการลงทุน-ส่งเสริมภาครัฐ อาทิ รถไฟฟ้า, Digital Economy, ประมูล 4G เป็นต้น กลุ่มรับเหมา ชอบ CK, STEC, UNIQ, PYLON, SEAFCO กลุ่มสื่อสาร ชอบ AIT, INTUCH, TRUE (3) เก็งงบ 4Q14F กำไรปี 2015F โตต่อได้ ชอบ KBANK, TMB, BEAUTY, MALEE, TUF, VGI, SIM, TRUE, BRR, KTIS (4) หุ้น Weekly Guru สัปดาห์นี้ คือ RCL, TAE ส่วน S, TMB, INTUCH, SCC ถือต่อ สำหรับนักลงทุนระยะกลาง หาจังหวะสะสมช่วงอ่อนตัว (1) หุ้นน่าลงทุนหวังผลในช่วง Q1 แนะนำ AMATA, BBL, BGH, CPN, DTAC, HMPRO, INTUCH, KBANK, KTB, SPALI (2) หุ้นปันผลดีที่กำลังจะจ่ายงวดนี้ (ช่วงต้น ก.พ. - กลาง พ.ค.) แนะนำ STPI, SRICHA, BJCHI, KTB, ASP, SITHAI, SIRI, AP, PYLON, QH


หุ้นเด่นรายวัน    JAS, S (Initiate Coverage)
JAS – สิ้นสุดการรอคอย ในที่สุด ก.ล.ต.อนุมัติการจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน (JASIF) มองจะช่วยปลดล็อกราคาหุ้น JAS โดยการขาย JASIF ที่ 5.7 หมื่นลบ.สำเร็จ จะส่งผลให้มูลค่าเหมาะสมหุ้น JAS เพิ่มหุ้นละ 1.4 บ. จากปัจจุบัน 9.8 บ. (DCF) ปันผลดีราว 4% ในปี 15-16F
S – เราเริ่มวิเคราะห์หุ้น S ด้วยคำแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าเหมาะสม 12.5 บ. (SOTP) ผลประกอบการปีนี้จะพลิกฟื้นเป็นกำไรและจะมีการเติบโตสูงเฉลี่ยปีละ 217% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า (15-18F) ผ่านการทำ M&A อย่างน้อย 25 ดีลด้วยงบลงทุนราว 8 หมื่นลบ.ในช่วง 5 ปีข้างหน้า งบดุลแข็งแกร่งจากการจัดตั้ง REIT และได้ผู้บริหารมือดีในวงการนี้ ?
ปัจจัยติดตาม
วันที่    ปท.    เหตุการณ์
22 ม.ค.    EU    ประชุมธนาคารกลางสหภาพยุโรป (ECB), ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหภาพยุโรปใน ม.ค.
    CH, EU, US    ตัวเลขเบื้องต้น PMI ภาคการผลิตของจีน, สหภาพยุโรป, สหรัฐฯ ใน ม.ค.
    US    ดัชนีราคาบ้าน (FHFA) ของสหรัฐฯ ใน พ.ย., ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯ รายสัปดาห์
23 ม.ค.    TH, JP    สนช.ลงมติจะถอดถอนอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์, ข้อมูลเบื้องต้น PMI ภาคการผลิตของญี่ปุ่นในม.ค.