ตลาดหุ้นโลกได้รับปัจจัยกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนดิ่งลงและผลประกอบการบริษัทเอกชนยุโรปที่อ่อนแอ ทำให้นักลงทุนผิดหวังและพากันแห่เทขายหุ้น ทำให้ตลาดหุ้นนิวยอร์กดิ่งตัวลงอย่างแรงเมื่อคืนนี้ (27มกราคม 2558) โดยดัชนีดาวโจนส์ ร่วงลงถึง 291.49 จุด ปิดที่ 17,387.21 จุด หรือเปลี่ยนแปลงลดลง 1.65% ขณะดัชนี NASDAQ ลดลง 90.26 จุด ปิดที่ 4,681.50 จุด หรือ เปลี่ยนแปลงลดลง 1.89% และดัชนี S&P500 ลบ 27.54 จุด ปิดที่ 2,029.55 จุด หรือเปลี่ยนแปลงลดลง 1.34%
สาเหตุที่ส่งผลให้ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงอย่างหนักมาจากนักลงทุนผิดหวังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ ที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐระบุว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน หรือสินค้าที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ดิ่งลง 3.4% ในเดือนธ.ค. ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3%
ขณะที่ผลสำรวจของสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาบ้านใน 20 เมืองของสหรัฐ ปรับตัวขึ้น 4.3% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายปี โดยเป็นการเพิ่มขึ้นต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2555 ซึ่งเป็นผลมาจากยอดขายบ้านที่อ่อนแอ และปริมาณบ้านที่มีจำกัด
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทเอกชน โดยบริษัทแคทเทอร์ พิลลาร์ เปิดเผยยอดขายและรายได้ในไตรมาส 4/2557 อยู่ที่ 1.4244 หมื่นล้านดอลลาร์ ลดลงจากไตรมาส 4/2556 ที่ระดับ 1.4402 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่ผลกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 4/2557 อยู่ที่ 1.23 ดอลลาร์ ลดลงจากไตรมาส 4/2556 ที่ 1.54 ดอลลาร์ ทั้งนี้ ข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้หุ้นคาร์เทอร์ พิลลาร์ ดิ่งลง 7.18%
ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดแดนลบไม่แพ้กันเมื่อคืนนี้ (27 มกราคม 2558) โดยดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1% ปิดที่ 368.7 จุด , ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมัน ปิดที่ 10,628.58 จุด ร่วงลง 169.75 จุด หรือเปลี่ยนแปลงลดลง 1.57% , ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศส ปิดที่ 4,624.21 จุด ลดลง 50.92 จุด หรือเปลี่ยนแปลงลดลง 1.09% และ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอน ปิดที่ 6,811.61 จุด ลดลง 40.79 จุด หรือ เปลี่ยนแปลงลดลง 0.60% ผลจากปัจจัยลบเรื่องผลประกอบการที่อ่อนแอลงของบริษัทเอกชน รวมถึงบริษัทซีเมนส์ เอจี และรอยัล ฟิลิปส์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับผลกระทบจากการร่วงลงของตลาดหุ้นกรีซ อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลการเลือกตั้งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
ข่าวเด่น