- ค่าเงินสหรัฐฯ ที่กลับมาแข็งค่าขึ้น 1.2% เมื่อเทียบกับเงินสกุลยูโรของกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป หลังจากอ่อนตัวลงในวันอังคารที่ผ่านมาส่งผลทำให้เกิดแรงขายจากนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่นๆ ที่ไม่ใช่เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ เนื่องจากค่าเงินที่แข็งค่าขึ้นจะส่งผลทำให้ราคาน้ำมันแพงขึ้นในสายตาของนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่นๆ ที่ไม่ใช่เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ
+ รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ หรือ PMI ในภาคบริการของสหรัฐฯ ประจำเดือนม.ค. ที่สำรวจโดยมาร์กิต พบว่า ดัชนี PMI ในภาคบริการได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 10 เดือนที่ 53.3 ในเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมา มาอยู่ที่ระดับ 54.2 อยู่เหนือระดับ 50 ที่บ่งชี้ถึงการขยายตัวในภาคบริการของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นภาคที่มีสัดส่วนในผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) สูงถึงเกือบ 80% ของทั้งหมด โดยรายงานดังกล่าวสอดคล้องกับผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ที่พบว่า ดัชนีภาคบริการของ ISM อยู่ที่ระดับ 56.7 ในเดือน ม.ค. เพิ่มขึ้นจากระดับ 56.5 ในเดือน ธ.ค.
+/- นอกจากนี้ ยังมีผลการสำรวจของออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) ที่ระบุว่า ภาคเอกชนของสหรัฐฯ ในเดือน ม.ค. ที่ผ่านมามีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 213,000 ราย แบ่งเป็นในภาคบริการถึง 183,000 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 86 ของทั้งหมดซึ่งบ่งบอกถึงเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่กำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามผลสำรวจที่ออกมานั้นต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 225,000 ราย
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ ถึงแม้ว่าโรงกลั่นต่างๆ ในภูมิภาค ได้เพิ่มกำลังการผลิตมากขึ้นเนื่องมาจากค่าการกลั่นที่สูงขึ้น ส่งผลให้อุปทานน้ำมันดีเซลในตลาดมีปริมาณมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามยังมีอุปสงค์จากเวียดนามที่ส่งเสริมราคาน้ำมันดีเซลในภูมิภาคอยู่
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องมาจากการประท้วงของพนักงงานโรงกลั่นน้ำมันในสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามปัจจัยพื้นฐานยังไม่เปลี่ยนแปลง โดยสัปดาห์ที่ผ่านมาญี่ปุ่นได้ผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น 12.7% และส่งออกเพิ่มขึ้น 23.6% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า
ทิศทางราคาน้ำมันดิบ
ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 46-51 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 52-57 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
ติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจของยูโรโซน หลังจากกรีซได้เผยผลการเลือกตั้งเบื้องต้นว่า พรรคฝ่ายซ้ายหรือพรรคไซรีซาเป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง การเลือกตั้งของกรีซครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นจุดเปลี่ยนแปลงที่สำคัญต่อทั้งกรีซและสหภาพยุโรป เนื่องจากนโยบายหลักของพรรคไซรีซานั้นคือ การต่อต้านมาตรการรัดเข็มขัดจากโปรแกรมช่วยเหลือด้านการเงินของสหภาพยุโรปและกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟ ทำให้ตลาดมีความกังวลว่ากรีซจะยุติมาตราการความช่วยเหลือจากไอเอ็มเอฟและสหภาพยุโรปและตามมาด้วยการผิดนัดชำระหนี้ซึ่งนั่นหมายถึงระบบสกุลเงินยูโรจะเสื่อมค่าลง
ติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ของธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB ว่าจะส่งผลกระทบอย่างไรต่อภาวะเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศยูโรโซน โดยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่นี้ ECB จะอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจด้วยการซื้อพันธบัตรคืน หรือที่เรียกว่ามาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) จำนวนอย่างน้อย 1.1 ล้านล้านยูโร และคงอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานในกลุ่มประเทศผู้ใช้เงินสกุลยูโรเอาไว้ที่ 0.05% ตามเดิม
ติดตามวิกฤติเศรษฐกิจของรัสเซีย หลังบริษัท Standard & Poor’s (S&P) ซึ่งเป็นบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือทางการเงินที่มีชื่อเสียง ได้ปรับลดความน่าเชื่อถือของพันธบัตรรัสเซีย สู่ระดับขยะ (Junk Bonds)
ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตาม
วันพุธดัชนีภาคบริการสหรัฐฯ - ม.ค. 58 (ISM PMI)
ดัชนีภาคบริการสหรัฐฯ - ม.ค. 58 (Markit PMI)
อัตราจ้างงานเพิ่มของสหรัฐฯ - ม.ค. 58 (ADP)
วันพฤหัสจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯ - 30 ม.ค.
ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ - Q4/58
วันศุกร์อัตราการว่างงานของสหรัฐฯ - ม.ค. 58
ข่าวเด่น