|
|
|
|
|
|
สรุปภาวะตลาดวันก่อน : SET +8.29 จุด แรงเก็งกำไรหุ้นรายตัว (งบ-ปันผลดี)
SET แกว่งทั้งแดนบวกและลบในกรอบแคบ 1598-1613 แต่กรอบแกว่งขยับขึ้นจากวันก่อนหน้า มีแรงซื้อหุ้นเป็นรายตัว เก็งงบ Q4 และคาดหวังเงินปันผล อย่างไรก็ดี ยังมีความกังวลการเจรจาหนี้กรีซอยู่ หลังยังไม่คืบหน้า ต้องเจรจาใหม่ 16 ก.พ.นี้ ด้านเงินทุนตปท.เริ่มไหลเข้าระลอกใหม่ โดยต่างชาติซื้อสุทธิต่อเป็นวันที่สอง 1.8 พันลบ.
ทิศทางตลาดวันนี้ : ซิกแซกขึ้นทดสอบไฮต้นเดือนนี้ที่ 1619-20 (ลุ้น! ผ่าน)
หุ้นโลกเมื่อคืน (12 ก.พ.) ปรับขึ้นกันถ้วนหน้า จากบรรยากาศการลงทุนในเชิงบวก (1) ยูเครนและรัสเซียบรรลุข้อตกลงหยุดยิง ทำให้แนวโน้มการลงโทษรัสเซียของสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป น่าจะผ่อนคลายลงในอนาคต รวมทั้งยูเครนจะได้รับเงินช่วยเหลือจาก IMF จำนวน 4 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ ในช่วง 4 ปีข้างหน้า เพื่อพยุงศก.ที่อ่อนแอลงจากความขัดแย้งทางการเมืองที่ยืดเยื้อข้ามปี (2) ทั้งกรีซและเยอรมันส่งสัญญาณพร้อมจะประนีประนอมในการเจรจาผ่อนคลายเงื่อนไขเงินกู้แก่กรีซ ด้านตัวเลขศก.สหรัฐฯ เมื่อคืนออกมาแย่กว่าคาด แต่อาจช่วยให้ความกังวลการขึ้นอัตราดบ.เร็วของผ่อนคลายลง ด้านน้ำมัน WTI รีบาวด์ +2.37$ มาที่ 51.21$/bbl มอง SET ซิกแซกขึ้น จากบรรยากาศเชิงบวกของหุ้นตปท. รวมทั้งเงินทุนตปท.ที่มีแนวโน้มไหลเข้าระลอกใหม่ แนวต้าน คือ ไฮต้นเดือนนี้ที่1619-20 ซึ่งเราให้น้ำหนักมีโอกาสทำนิวไฮ ระหว่างแกว่งจากแรงขายทำกำไร แนวรับ 1600+/- อนึ่ง คาดหุ้น ACAP, AJD, AJD-W1, AJD-W2, BRR, CHOW, FPI, NBC, NBC-W1, PDI, RCI, RCI-W1, SIAM, STAR, STAR-W2, TAKUNI, TH, TH-W1, TSR, WIIK ติด Cash Balance เย็นนี้
กลยุทธ์การลงทุน : ถือ Let Profits Run / ทยอยสะสมเพิ่ม
เรามองบรรยากาศการลงทุนช่วงครึ่งเดือนหลัง มีแนวโน้มเงียบเหงา จาก (1) เข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวตรุษจีนของตลาดหุ้นหลายแห่งในภูมิภาคนี้ (2) ความไม่แน่นอนของการเจรจาหนี้ของกรีซ (3) รอติดตามการหารือระหว่างปธ. FED และสภาคองเกรสเกี่ยวกับแนวโน้มศก.และทิศทางนโยบายการเงินใน 24-25 ก.พ. นี้ ว่าจะส่งสัญญาณขึ้นอัตราดบ.เร็วหรือไม่ อย่างไรก็ดีเรามองปัญหาหนี้กรีซเป็นเพียงปัจจัยรบกวนระยะสั้น ขณะที่เรามองการประชุม FED-สภาคองเกรส ปธ.FED ไม่น่าผลีผลามเร่งส่งสัญญาณขึ้นดบ.เร็ว เพราะอย่างเร็วที่สุดที่ FED จะปรับขึ้น คือ การประชุมเดือน มิ.ย. ซึ่งยังเหลือเวลาอีก 4 เดือนเต็มในการพิจาณาข้อมูลทางศก.ให้ถี่ถ้วน นอกจากนี้ ยังมีการประชุมอีก 2 ครั้ง (17-18 มี.ค. และ 28-29 เม.ย.) น่าจะเพียงพอต่อการส่งสัญญาณขึ้นดบ. ด้วยเรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อกระแสเงินทุนตปท.ไหลเข้า หลัง ECB ทำ QE และผลกระทบด้านฤดูกาลที่หลังผ่านช่วงตรุษจีนไปแล้ว ตลาดหุ้นไทยมักปรับขึ้นเฉลี่ย +2.7% และ +5.6% ในช่วง 2 สัปดาห์ และ 1 เดือนหลังวันตรุษจีน เรายังคงเป้า SET ก.พ. ขึ้นทดสอบ 1650+/- อย่างไรก็ดี เพื่อความรอบคอบ หากตลาดกังวลมากกับ FED ขึ้นอัตราดบ.เร็วในปีนี้ จนทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ขึ้นสูงกว่าระดับ 2.1% ขึ้นไป ภาพการลงทุนจะเปลี่ยน โดยหาก SET ไหลลงจนหลุดระดับ 1570 ซึ่งเราถือเป็นจุดถอยให้ทยอยขายหยุดขาดทุน (Stop Loss) เลือกซื้อหุ้นเป็นรายตัว (Selective Buy) / Let Profits Run
• หุ้นที่คาดว่าจะมีผลประกอบการ 4Q14F ออกมาดีและราคายังมี upside หุ้นแนะนำ คือ กลุ่มสื่อสาร - JAS, INTUCH, THCOM กลุ่มอสังหาฯ – AMATA, PACE, RML, SC อื่น ๆ – ASK, DEMCO, MAJOR, MALEE, SUTHA ส่วน ตลาด mai – BKD, PCA, XO
• หุ้นปันผลดีงวดนี้ (คาดว่าจะให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงกว่าระดับ 3% ขึ้นไป โดยเรียงลำดับจาก Div. Yield มากไปหาน้อย) KGI, CSP, MBAX, MFEC, TWS, CPI, STPI, TICON, RML, ASK, SRICHA, SENA, ASP, KTB, SITHAI, AP, SIRI
ปัจจัยติดตาม
13 ก.พ. EU ตัวเลข GDP (SA) ของสหภาพยุโรปในไตรมาส 4/57
US ตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภค (U. of Michigan Conf.) ของสหรัฐฯ ในเดือน ก.พ. (เบื้องต้น)
16 ก.พ. JP ตัวเลขผลผลิตภาคอุตฯ-อัตราการใช้กำลังการผลิตของญี่ปุ่นใน ธ.ค., GDP ของญี่ปุ่นใน 4Q14
TH ตัวเลข GDP ของไทยใน 4Q14
|
บันทึกโดย : Adminวันที่ :
13 ก.พ. 2558 เวลา : 11:43:04
|
|
|
|
|
ข่าวเด่น