สรุปภาวะตลาดวันก่อน: SET +2.49 จุด ยูเครน-รัสเซียบรรลุข้อตกลงหยุดยิง
บรรยากาศการลงทุนโดยรวมอยู่ในเชิงบวก หลังยูเครน-รัสเซียบรรลุข้อตกลงหยุดยิง หนุนดัชนีหุ้นไทยปิดสูงสุดนับตั้งแต่ พ.ค. 2013 โดย SET พยายามขึ้นทดสอบแนวต้าน 1619-20 แต่ยังไม่สามารถทะลุได้ เนื่องจากยังมีความกังวลกับการเจรจาหนี้ของกรีซที่ยังไม่คืบหน้า (จะหารืออีกครั้ง 16 ก.พ.) ต่างชาติขายสุทธิเล็กน้อย 132 ลบ.
ทิศทางตลาดวันนี้: ขึ้นทดสอบ 1620+/- อีกครั้ง, ลุ้นผ่าน! ปิดจุดสูงสุดใหม่
หุ้นโลกเมื่อคืนวันศุกร์ (13 ก.พ.) ปรับขึ้น ขานรับ GDP ของกลุ่มปท.สหภาพยุโรปทั้ง 18 ชาติ ขยายตัว 0.3% ใน 4Q14 ดีเกินตลาดคาดที่ +0.2% นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น (WTI บวกต่อ 2 วันติด ล่าสุดปิดที่ 52.78 $/bbl) เช้านี้ GDP ญี่ปุ่นคิดเป็นต่อปี ขยายตัว 2.2% น้อยกว่าตลาดคาดที่ 3.7% แต่ถือว่าหลุดจากภาวะถดถอยทางเทคนิคที่เกิดขึ้นในช่วงไตรมาส 2-3/2014 ด้าน GDP ไทย 4Q14F ที่จะประกาศช่วงเช้าวันนี้ เราคาดขยายตัว 2.2% YoY vs ตลาดคาด 2.5% ส่วนตลาดหุ้นอเมริกาคืนนี้จะปิดทำการเนื่องในวัน Washington’s Birthday มอง SET ซิกแซกขึ้น ทดสอบแนวต้านแถว 1619-20 มีโอกาสลุ้นผ่านทำจุดสุงสุดใหม่ โดยจะมีแนวต้านถัดไป 1630 แนวรับ 1600+/- อนึ่ง หุ้น BRR, CHOW, FPI, NBC, NBC-W1, PDI, RCI, RCI-W1, SIAM, STAR, TAKUNI, TH, TH-W1, TSR, WIIK ติด Cash Balance 16 ก.พ. - 27 มี.ค. ส่วน NUSA-W2 และ E-W4 ติด Cash Balnce 16 ก.พ. - 20 มี.ค. และ 16 ก.พ. - 6 มี.ค. ตามลำดับ
กลยุทธ์การลงทุน: ถือ Let Profits Run / หาจังหวะสะสมเพิ่ม
เรามองบรรยากาศการลงทุนช่วงครึ่งเดือนหลัง มีแนวโน้มเงียบเหงา จาก (1) เข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวตรุษจีนของตลาดหุ้นในภูมิภาคนี้ (ไต้หวันหยุด 16-23 ก.พ., จีน-เวียดนาม 18-24 ก.พ., ฮ่องกง-เกาหลีใต้ 18-20 ก.พ., สิงคโปร์-มาเลเซีย 19-20 ก.พ., อินโดนิเซีย-ฟิลิปปินส์ 19 ก.พ. ) (2) ความกังวลเกี่ยวกับการเจรจาหนี้กรีซ (3) รอติดตามการหารือระหว่างปธ. FED และสภาคองเกรสเกี่ยวกับแนวโน้มศก.และทิศทางนโยบายการเงินใน 24-25 ก.พ. นี้ ว่าจะส่งสัญญาณขึ้นอัตราดบ.เร็วหรือไม่ เรายังแนะนำซื้อหุ้นเป็นรายตัว (Selective Buy) / Let Profits Run เนื่องจากเรามองปัญหาหนี้กรีซเป็นเพียงปัจจัยรบกวนระยะสั้น ขณะที่เรามอง ปธ.FED ไม่น่าผลีผลามเร่งส่งสัญญาณขึ้นดบ.เร็ว เพราะอย่างเร็วที่สุดที่ FED จะปรับขึ้น คือ การประชุมเดือน มิ.ย. ซึ่งยังเหลือเวลาอีก 4 เดือนเต็มในการพิจาณาข้อมูลทางศก.ให้ถี่ถ้วน นอกจากนี้ ยังมีการประชุมอีก 2 ครั้ง (17-18 มี.ค. และ 28-29 เม.ย.) น่าจะเพียงพอต่อการส่งสัญญาณขึ้นดบ. ด้วยเรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อกระแสเงินทุนตปท.ไหลเข้า หลัง ECB ทำ QE และผลกระทบด้านฤดูกาลที่ตลาดหุ้นไทยมักปรับขึ้นเฉลี่ย +2.7% และ +5.6% ในช่วงหลังวันตรุษจีนผ่านไป 2 สัปดาห์ และ 1 เดือน ตามลำดับ เรายังคงเป้า SET ก.พ. ขึ้นทดสอบ 1650+/- อย่างไรก็ดี เพื่อความรอบคอบ หากตลาดวิตกมากกับ FED ขึ้นอัตราดบ.เร็วในปีนี้ จนทำให้ US 10Y US Bond Yield ขึ้นสูงกว่าระดับ 2.1% ขึ้นไป ภาพการลงทุนจะเปลี่ยนเป็นเชิงลบ โดยเราขยับจุดถอย (Stop Loss) จาก SET หลุดระดับ 1570 เป็น 1580
•หุ้นเด่นกูรูสัปดาห์นี้ - ITD, LH, SCB, SRICHA, SUPER, TICON
•หุ้นที่คาดว่าจะมีผลประกอบการ 4Q14F ออกมาดีและราคายังมี upside หุ้นแนะนำ คือ กลุ่มสื่อสาร - JAS, INTUCH, THCOM กลุ่มอสังหาฯ – AMATA, PACE, RML, SC อื่นๆ – ASK, DEMCO, MAJOR, MALEE, SUTHA ส่วน ตลาด mai – BKD, PCA, XO
•หุ้นปันผลดีงวดนี้ (คาดว่าจะให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงกว่าระดับ 3% ขึ้นไป โดยเรียงลำดับจาก Div. Yield มากไปหาน้อย) KGI, CSP, MBAX, MFEC, TWS, CPI, STPI, TICON, RML, ASK, SRICHA, SENA, ASP, KTB, SITHAI, AP, SIRI
ปัจจัยติดตาม
16 ก.พ.
JPตัวเลขผลผลิตภาคอุตฯ-อัตราการใช้กำลังการผลิตของญี่ปุ่นใน ธ.ค., GDP ของญี่ปุ่นใน 4Q14
THตัวเลข GDP ของไทยใน 4Q14
16-17 ก.พ.
EUประชุมรัฐมนตรีคลังสหภาพยุโรป
17 ก.พ.
EU, USผลสำรวจคาดการณ์ภาวะธุรกิจของสหภาพยุโรปใน ก.พ., ผลสำรวจภาคการผลิตสหรัฐฯ ใน ก.พ.
ข่าวเด่น