- ราคาน้ำมันดิบเบรนท์และเวสต์เท็กซัสยังคงปรับลดลงต่อ จากการที่นักลงทุนคาดการณ์ว่าการเจรจาปัญหานิวเคลียร์ระหว่างอิหร่านและชาติมหาอำนาจทั้ง 6 ณ เมืองโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในวันที่ 31 มี.ค. มีความเป็นไปได้ที่จะสามารถบรรลุข้อตกลงขั้นต้นได้และอาจจะมีการตัดสินใจยกเลิกการคว่ำบาตรอิหร่าน อย่างไรก็ดี หลังพ้นกำหนดเส้นตายในวันที่ 31 มี.ค. ไปแล้ว การเจรจายังคงไม่สามารถหาข้อสรุปที่ชัดเจนได้จะขยายเวลาการเจรจาออกไปอีก 1 วัน เป็นวันพุธที่ 1 เม.ย. โดย Marie Harf โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่าการประชุมมีความคืบหน้าเมื่อหลายวันที่ผ่านมา แต่ยังคงมีอีกหลายประเด็นที่จะต้องพิจารณาต่อไปอีก นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า หากการคว่ำบาตรอิหร่านยุติลงจะส่งผลให้อิหร่านสามารถกลับมาส่งออกน้ำมันเพิ่มขึ้น 500,000 บาร์เรลต่อวันภายในระยะเวลา 6 เดือน และเพิ่มขึ้นอีกราว 700,000 บาร์เรลต่อวันในอีก 1 ปี โดยปัจจุบันอิหร่านส่งออกน้ำมันดิบได้ราว 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน และยังผลิตเกินความต้องการเป็นจำนวนถึง 3 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยคาดว่าอิหร่านมีน้ำมันในสต็อกไม่น้อยกว่า 30 ล้านบาร์เรล ซึ่งหากอิหร่านสามารถกลับมาส่งออกน้ำมันดิบได้ตามปกติ มีความเป็นไปได้ที่ราคาน้ำมันจะถูกกดดันให้ลดลงไปอีก
- สถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานของสหรัฐฯ (API) รายงานปริมาณนํ้ามันดิบคงคลังปรับเพิ่มขึ้น 5.2 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 459.9 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับเพิ่มขึ้นที่ 4.2 ล้านบาร์เรล นอกจากนี้ปริมาณนํ้ามันดิบคงคลัง ณ จุดส่งมอบคุชชิ่งโอกลาโฮมาปรับเพิ่มขึ้นเช่นกันที่ 2.6 ล้านบาร์เรล ส่วนปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังปรับลดลง 4.1 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ขณะที่น้ำมันดีเซลคงคลังปรับเพิ่มขึ้น 18,000 บาร์เรล ซึ่งสวนทางกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้
- ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันโอเปกปรับตัวเพิ่มขึ้น 560,000 บาร์เรลต่อวันในเดือน มี.ค. โดยปรับเพิ่มขึ้นจากจากระดับ 30.07 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือน ก.พ. สู่ระดับ 30.63 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือน ต.ค. 57 ที่ผ่านมา เนื่องจากทางตอนใต้ของอิรักสามารถกลับมาส่งออกได้เป็นปกติ หลังจากที่การขนส่งล่าช้าจากสภาพอากาศที่ย่ำแย่ โดยคาดว่าการส่งออกในเดือน มี.ค. ของอิรักจะสามารถแตะระดับที่ 3 ล้านบาร์เรลต่อวันได้ โดยปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 2.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน
+ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ ในเดือน มี.ค. ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 101.3 จากระดับ 98.8 สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 96.0
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวลดลงสวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบ แม้ว่าปัจจัยพื้นฐานทั้งอุปสงค์และอุปทานของน้ำมันเบนซินยังคงค่อนข้างแข็งแกร่งก็ตาม โดยความต้องการน้ำมันเบนซินจากสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากเข้าใกล้ฤดูกาลท่องเที่ยวของสหรัฐฯ ในช่วงปลายเดือน พ.ค. นี้ และอุปทานน้ำมันเบนซินที่ยังคงตึงตัวจากการที่โรงกลั่นน้ำมันในภูมิภาคอยู่ในช่วงการปิดซ่อมบำรุงประจำปี
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวลดลงสวนทางราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากอุปทานน้ำมันดีเซลที่ปรับเพิ่มขึ้น จากการที่โรงกลั่นใหม่ในตะวันออกกลางได้เริ่มมีการทยอยส่งออกน้ำมันดีเซลเข้ามายังภูมิภาคเอเชียแล้ว ประกอบกับอุปสงค์จากอินโดนีเซียซึ่งเป็นประเทศผู้นำเข้าหลักของน้ำมันดีเซลปรับตัวลดลง โดยมีตัวเลขการนำเข้าที่ลดลงหลังจากรัฐบาลมีข้อบังคับให้ใช้ไบโอดีเซลมากขึ้น
ทิศทางราคาน้ำมันดิบ
ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสสัปดาห์หน้าจะเคลื่อนไหวที่กรอบ 47-52 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 55-60 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
จับตาปัญหาการสู้รบในเยเมนที่ส่อเค้าทวีความรุนแรงขึ้นหลังซาอุดิอาระเบียได้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศต่อกลุ่มกบฏฮูติเพื่อช่วยเหลือนายอาเบด รับโบ มานซูร์ ฮาดี ประธานาธิบดีเยเมนในการต่อสู้กับกลุ่มกบฏดังกล่าว ทำให้หลายฝ่ายวิตกว่าการสู้รบนี้จะขยายวงกว้างและอาจกระทบต่อการผลิตน้ำมันดิบในภูมิภาคได้ และล่าสุดได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ ในด้านการขนส่งและข่าวกรองทางทหาร
จับตาเศรษฐกิจกรีซและยูโรโซนว่าจะเป็นไปในทิศทางใด หลังจากมีการคาดการณ์ว่าการขาดแคลนสภาพคล่องของรัฐบาลกรีซอาจจะนำไปสู่ การผิดนัดชำระหนี้มูลค่า 460 ล้านยูโร หรือ 502.5 ล้าน ให้กับกองทุนระหว่างประเทศ (IMF) ในช่วงต้นเม.ย. นี้ โดยรัฐบาลกรีซจะต้องเสนอแผนปฏิรูปเศรษฐกิจภายในในวันจันทร์ที่ 30 มี.ค. นี้
จับตาการเจรจาระหว่างอิหร่านกับชาติมหาอำนาจทั้งหก ว่าจะสามารถบรรลุกรอบข้อตกลงได้หรือไม่ โดยทุกฝ่ายจะต้องบรรลุข้อตกลงขั้นแรกภายในวันที่ 31 มี.ค.นี้ และต้องบรรลุข้อตกลงฉบับสมบูรณ์ภายในวันที่ 1 ก.ค. 58 โดยการเจรจามีจุดมุ่งหมายเพื่อจำกัดศักยภาพด้านนิวเคลียร์ของอิหร่าน เพื่อแลกกับการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรการนำเข้าน้ำมันดิบของอิหร่าน ซึ่งล่าสุดส่งผลให้อิหร่านยังไม่สามารถส่งออกน้ำมันดิบอีกราว 1 ล้านบาร์เรลต่อวันได้ ดังนั้นหากข้อตกลงดังกล่าวบรรลุผล ก็อาจส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง
อุปสงค์น้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับตัวลดลงในเดือน เม.ย. และ พ.ค. นี้ หลังโรงกลั่นน้ำมันทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเอเชีย เริ่มเข้าสู่ฤดูกาลปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่น ในช่วงไตรมาส 2 ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันราคาน้ำมันดิบในช่วงนี้
ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตาม
วันอังคาร ดัชนีราคาผู้บริโภคยูโรโซน - มี.ค.
อัตราการว่างงานยูโรโซน - ก.พ.
ความเชื่อมันผู้บริโภคสหรัฐฯ - มี.ค.
วันพุธ ดัชนีภาคการผลิตจีน - มี.ค.
ดัชนีภาคบริการจีน - มี.ค.
ดัชนีภาคการผลิตสหรัฐฯ - มี.ค.
วันศุกร์ รายได้นอกภาคการเกษตรสหรัฐฯ - มี.ค.
อัตราการว่างงานสหรัฐฯ - มี.ค.
ข่าวเด่น