ภาวะการซื้อขายหุ้นอเมริกาเมื่อคืนนี้ (23 เมษายน 2558) นักลงทุนในตลาดหุ้นนิวยอร์กเข้าช้อนซื้อหุ้นถูกเพื่อเก็งกำไร ดันดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 18,058.69 จุด เพิ่มขึ้น 20.42 จุด หรือ +0.11% และดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,056.06 จุด เพิ่มขึ้น 20.89 จุด หรือ +0.41% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,112.93 จุด เพิ่มขึ้น 4.97 จุด หรือ +0.24%

โดยในช่วงท้ายของการซื้อขายในตลาด นักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรหุ้นหลายตัวหลังการซื้อขายในช่วงเช้าของวันเดียวกันตลาดปรับตัวร่วงลง หลังทางการสหรัฐประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญหลายตัวที่ออกมาไม่ดี ทั้งจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 18 เม.ย. เพิ่มขึ้น 1,000 ราย สู่ระดับ 295,000 ราย สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 290,000 ราย และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นของสหรัฐ ร่วงลงสู่ระดับ 54.2 ในเดือนเม.ย.จากระดับ 55.7 ในเดือนมี.ค. ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ระดับ 55.5

นอกจากนี้ จากการสำรวจของสมาคมนักลงทุนรายย่อยอเมริกัน (AAII) ระบุถึงผลสำรวจนักลงทุนมีความเชื่อมั่นในภาพรวมลดลงสู่ระดับ 31.74% จากก่อนหน้านี้อยู่ที่ 32.07% และมีความรู้สึกไม่เชื่อมั่นเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 23.19% จาก 22.78% ขณะที่ความรู้สึกไม่เชื่อมั่นต่อตลาดหุ้นอเมริกาเพิ่มขึ้นสู่ 45.34% จาก 45.15%

ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดตลาดเมื่อคืนนี้ (23 เมษายน 2558) อยู่ในแดนลบ โดยดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.4% ปิดที่ 407.18 จุด ,ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศส ปิดที่ 5,178.91 จุด ลดลง 32.18 จุด หรือ -0.62% ,ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมัน ปิดที่ 11,723.58 จุด ร่วงลง 143.79 จุด หรือ -1.21% เว้นดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอน ที่สามารถปรับตัวเพิ่มขึ้ินอยู่ในแดนบวกได้ โดยปิดที่ 7,053.67 จุด บวก  25.43 จุด หรือ +0.36%

ปัจจับลบที่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นยุโรป ได้แก่ การเปิดเผยผลสำรวจของมาร์กิต อิโคโนมิคส์ ที่ระบุ ดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้นในเดือนเม.ย.ของยูโรโซน ลดลงแตะ 51.9 ซึ่งต่ำสุดในรอบ 2 เดือน จากระดับ 52.2 ในเดือนก่อนหน้า ขณะที่ดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้น เดือนเม.ย.ปรับตัวลงมาอยู่ที่ 53.7 ซึ่งต่ำสุดในรอบ 2 เดือน เมื่อเทียบกับระดับ 54.2 ในเดือนมี.ค.