ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดตลาดเมื่อคืนนี้ (30 เมษายน 2558) ร่วง โดยดัชนีดาวโจนส์ ลบ 195.01 จุด หรือลดลง 1.08% ปิดที่ 17,840.52 จุด , ดัชนี S&P500 ลบ  21.34 จุด หรือลดลง 1.01% ปิดที่ 2,085.51 จุด และดัชนี NASDAQ ลบ 82.22 จุด หรือลดลง 1.64% ปิดที่ 4,941.42 จุด โดยนักลงทุนผิดหวังผลประกอบการของภาคเอกชน รวมถึงข้อมูลเศรษฐกิจที่ผันผวนยังสร้างความไม่แน่นอนเรื่องกำหนดเวลาในการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 25 เม.ย. ลดลง 34,000 ราย แตะ 262,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 15 ปี

อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์สหรัฐระบุ การใช้จ่ายของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนมี.ค.ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.5%

สำหรับตลาดหุ้นยุโรปปิดตลาดเมื่อคืนนี้ (30 เมษายน 2558) ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 0.4% แตะระดับ 395.79 จุด แต่ตลาดหุ้นอื่นๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากแรงซื้อเก็งกำไร อาทิ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอน บวก 14.35 จุด หรือเพิ่มขึ้น 0.21% ปิดที่ 6,960.63 จุด, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมัน บวก 21.66 จุด หรือเพิ่มขึ้น 0.19% ปิดที่ 11,454.38 จุด และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศส บวก 7.10 จุด หรือเพิ่มขึ้น 0.14% ปิดที่ 5,046.49 จุด

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงกดดันจากวิกฤตหนี้กรีซ ที่ล่าสุด มูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือกรีซลงสู่ระดับ Caa2 จากระดับ Caa1 รวมทั้งให้แนวโน้มเชิงลบ ซึ่งอันดับเครดิตดังกล่าวอยู่ห่างจากระดับที่ส่งสัญญาณถึงการผิดนัดชำระหนี้ เพียงแค่ 2 ขั้นเท่านั้น