สรุปภาวะตลาดวันก่อน : SET +12.20 จุด พลิกยืน 1500 แรงซื้อคืนหุ้นแบงก์หนุน
SET แกว่งในกรอบ 1494-1514 โดยรีบาวด์ตามหุ้นภูมิภาค บาททรง-แข็งค่าขึ้นบ้างจากระดับอ่อนสุดรอบ 5 ปี มีแรงซื้อคืนหุ้นแบงก์โดดเด่น ช่วยหนุนตลาดรีบาวด์ แต่หุ้นพลังงานลดลงตามราคาน้ำมัน วอลุ่มเทรดน้อย 3.87 หมื่นลบ. ต่างชาติขายสุทธิ 472 ลบ. เป็นวันที่ 7 ติดต่อกัน และ Short S50 Futures เป็นวันที่ 3 จำนวน 2,097 สัญญา
ทิศทางตลาดวันนี้ : รีบาวด์ต่อ (แบบจำกัด) ได้ 3 ปัจจัยหนุนจากตปท.
หุ้นโลกเมื่อคืนวันศุกร์ (8 พ.ค.) ขึ้นแรง นลท.มีมุมมองบวกขึ้นต่อศก.สหรัฐฯ หลังตัวเลขการจ้างงานเพิ่ม 223,000 อัตราในเม.ย. (ใกล้เคียงตลาดคาดที่ 224,000 อัตรา) ขณะที่อัตราว่างงานลดลงสู่ 5.4% ต่ำที่สุดในรอบ 7 ปี นอกจากนี้ หุ้นโลกยังได้ปัจจัยหนุนจากผลการเลือกตั้งในอังกฤษด้วย ที่พรรคอนุรักษ์นิยมคว้าชัยชนะเลือกตั้งแบบขาดลอย 331 ที่นั่ง จัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ สวนทางกับที่โพลล์ระบุว่ามีคะแนนสูสีกับคู่แข่ง ส่งผลให้ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับอังกฤษจะอยู่เป็นสมาชิกสหภาพยุโรปต่อไปหรือ ไม่หมดไป ล่าสุดเมื่อเย็นวานนี้ (10 พ.ค.) ธ.กลางจีน (PBOC) ประกาศลดดบ.ลง 0.25% เป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 7 เดือน เพื่อกระตุ้นศก. ส่งผลดีต่อบรรยากาศการลงทุนหุ้นภูมิภาคเช้านี้ขึ้นกันถ้วนหน้า มอง SET รีบาวด์ต่อ จากปัจจัยหนุนจากตปท. คาดจะเปิดกระโดดผ่านแนวต้าน 1515+/- ไปเลย มีแนวต้านถัดไปบริเวณ 1530 ระหว่างวันแกว่ง โดยจะแนวรับ 1515-20, 1494-1500 อย่างไรก็ดี มองการรีบาวด์ยังเป็นไปแบบจำกัด เนื่องจากศก.และกำไรบจ.ไทยยังอ่อนแออยู่ ขณะที่ช่วงนี้เป็นช่วงฤดูกาลที่เงินทุนตปท.มักไหลออก อนึ่ง หุ้น AS, NINE, NINE-W1, YUASA ติด Cash Balance 11 พ.ค. – 19 มิ.ย.
กลยุทธ์การลงทุน : ดีดกลับเป็นจังหวะขายลดพอร์ต, ยังแนะนำถือเงินสด-รอ
แม้เรามอง SET อาจรีบาวด์ในช่วงสั้นๆ แต่เป็นจังหวะขายลดพอร์ตมากกว่า เพราะหลังการประกาศงบ Q1 เรามองประมาณการกำไรบจ.ยังเสี่ยงถูกหั่นลงอีก ซึ่งเป็นเวลาประจวบเหมาะกับการเปิดเผย GDP 1Q15F ของไทยใน 18 พ.ค. ที่คาดว่าจะส่งผลให้ตลาดโดยรวมปรับลดประมาณการ GDP ปีนี้ลงจากปัจจุบันที่คาดว่าจะโต 3.9% (ซึ่งยังเป็นระดับที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับที่เราคาด GDP จะโต 3.5%) เราคงมุมมอง SET Q2 ยังอยู่ในทิศทางขาลง รอทยอยสะสมที่ SET 1400-1480 จุด ซึ่งอิงจากการคาดการณ์ BV ณ สิ้นงบ 1Q15F และ PBV ที่ระดับ 1.9-2.0x เพราะมักเป็นจุดรับที่มีนัยสำคัญในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา เราแนะนำให้นลท.ปรับพอร์ต-ลดความเสี่ยงด้วยการถือเงินสดมากขึ้น และรอจังหวะตลาดในระยะถัดไปก่อน แต่สำหรับนลท.ที่รับความเสี่ยงได้สูง เลือกเทรดดิ้งสั้นแบบจำกัดวงเงินและมีจุด Stop Loss เสมอ
• หุ้น เทรดดิ้งสั้น แรงซื้อคืนหุ้นธนาคาร (Short Covering) แบงก์ใหญ่ชอบ SCB, KBANK, KTB แบงก์กลาง-เล็กชอบ TMB, TCAP / หุ้นโภคภัณฑ์น่าจะได้อานิสงส์จีนลดดบ. BANPU, STA, TTA, PSL / ส่งออกเน้นอิเล็กทรอนิกส์ KCE, HANA, SVI รับเหมาตปท. BJCHI, STPI (ได้ประโยชน์บาทอ่อน) / TAKUNI (สัญญาณเชิงบวกทั้งราคาและมูลค่าซื้อขาย) / TCAP (ราคาหุ้น MBK ขึ้น 5 วันติด +11% ขณะที่ TCAP ถือหุ้น MBK ทั้งทางตรงและอ้อมราว 20%)
• หุ้น เด่น Guru ประจำสัปดาห์ ไม่มีหุ้นแนะนำ มีเพียงถือ MAJOR (เป้าสั้น 35.5 บ.) / ขายทำกำไร KCE / ตัดขาดทุน CHO, ผลสำรวจกูรู ทุกท่านมองควร “ขาย” หุ้นช่วงรีบาวด์ในสัปดาห์นี้ มากกว่าที่จะซื้อเพิ่ม
• หุ้นเด่น พ.ค. แนะนำ BDMS, BECL, CPN, INTUCH, MAJOR, ROBINS
ปัจจัยติดตาม
11-12 พ.ค.
EU ประชุมรัฐมนตรีคลังของประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป
12 พ.ค.
MSCI MSCI ทบทวนดัชนีประจำครึ่งปี (มีผลบังคับใช้ 1 มิ.ย.)
JP, GR ดัชนีชี้นำศก.ญี่ปุ่น ใน มี.ค. (เบื้องต้น), กรีซครบกำหนดชำระหนี้คืนให้แก่ IMF จำนวน 766 ล้านยูโร
13 พ.ค.
JP, CH ดุลการค้า-เดินสะพัด-ชำระเงินของญี่ปุ่นใน มี.ค., ยอดค้าปลีก และผลผลิตภาคอุตฯ ของจีนใน เม.ย.
EU, GE GDP (SA) สหภาพยุโรปใน 1Q15, ผลผลิตภาคอุตฯ ใน มี.ค., ดัชนีราคาผู้บริโภคเยอรมันใน เม.ย.
US ตัวเลขงบประมาณรายเดือน และยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ ใน เม.ย.
ข่าวเด่น