ตลาดหุ้นทั่วโลกกังวลปัญหาหนี้กรีซที่มีกำหนดต้องจ่ายเงิน 750 ล้านยูโรให้กองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟในวันอังคารที่จะถึงนี้ ซึ่งตลาดมองว่าที่ประชุมรัฐมนตรีคลังยูโรโซนยังไม่สามารถหาทางออกเกี่ยวกับปัญหาหนี้กรีซนี้ได้ ทำให้ดัชนีเกือบทุกตลาดท้่วโลกตก โดยเฉพาะดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์ก เมื่อคืนนี้ (11พ.ค.) ปิดที่ 18,105.17 จุด ลดลง 85.94 จุด หรือ -0.47% และดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,993.57 จุด ลดลง 9.98 จุด หรือ -0.20% ,ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,105.33 จุด ลดลง 10.77 จุด หรือ -0.51% นอกจากนี้ นักลงทุนยังต้องการเทขายทำกำไรหลังดัชนีดาวโจนส์ทะยานขึ้นกว่า 260 จุด เมื่อวันศุกร์ท่ี่ผ่านมา

เช่่นเดียวกับตลาดหุ้นยุโรป ที่ปิดตลาดเมื่อคืน ส่วนใหญ่ร่วงลง มีเพียงดัชนี Stoxx Europe 600 ที่เพิ่มขึ้น 0.3% ปิดที่ 401.34 จุด ขณะดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศส ปิดที่ 5,027.87 จุด ลดลง 62.52 จุด หรือ -1.23% , ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมัน ปิดที่ 11,673.35 จุด ลดลง 36.38 จุด หรือ -0.31% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอน ปิดที่ 7,029.85 จุด ร่วงลง 16.97 จุด หรือ -0.24%

สาเหตุที่ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้นเพียงตลาดเดียว เพราะได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ ที่หุ้นริโอทินโต และหุ้นเกล็นคอร์ รีซอสเซส ปรับขึ้นราว 1.1% ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้นเช่นกัน นำโดยหุ้นอินเทซา ซานเปาโล พุ่งขึ้น 1.9% หุ้นธนาคารบังคา มอนติ เดอ เซียนา ปรับขึ้น 1.5% หลังจากธนาคารทั้งสองแห่งเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด