-  ราคาน้ำมันดิบยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่องสู่ระดับต่ำที่สุดในรอบ 4 เดือนที่ผ่านมา หลังตลาดหลักทรัพย์ของจีนได้ปรับตัวลดลงซึ่งสะท้อนถึงความกังวลในสภาพ เศรษฐกิจของประเทศจีน ซึ่งเป็นผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก  ประกอบกับความกังวลของนักลงทุนต่อสภาวะอุปทานล้นตลาดของน้ำมันดิบในตลาดโลก จากการส่งออกน้ำมันดิบที่มากขึ้นของประเทศอิรัก

- เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ตราสารทุน Shanghai Composite Index ได้ปรับตัวลดลง 8.5%  ลงมาอยู่ที่ระดับ 3,725.56 จุดโดยปรับตัวลดลงมากที่สุดในรอบ 8 ปีของตลาดหลักทรัพย์จีน ซึ่งสะท้อนถึงความกังวลของนักลงทุนทั่วโลกต่อสภาพเศรษฐกิจจีน ซึ่งสามารถเห็นได้จากราคาของทองแดงที่ปรับลดลงไปสู่ระดับเกือบต่ำที่สุดใน รอบ 6 ปี อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ว่า การปรับตัวลดลงครั้งนี้จะมีผลต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศจีนน้อยกว่าที่หลาย ฝ่ายกังวล เนื่องจากนักลงทุนรายย่อยได้ถอนทุนออกไปจากการปรับลดลงอย่างหนักของตลาดหลัก ทรัพย์จีนในช่วงที่ผ่านมาแล้ว

- ขณะเดียวกัน ประเทศอิรักได้เพิ่มการส่งออกน้ำมันดิบจากทางตอนใต้ของประเทศท่ามกลางอุปทาน น้ำมันดิบที่ล้นตลาดในปัจจุบัน โดยได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.32%  จากเดือนที่ผ่านมา มาอยู่ที่ระดับ 3.06 ล้านบาร์เรลต่อวันในช่วง 23 วันแรกของเดือนกรกฎาคมนี้ ทั้งนี้การปรับตัวเพิ่มขึ้นของการส่งออกน้ำมันดิบทางตอนใต้ของประเทศอิรัก เป็นผลมาจากอิรักได้ตัดสินใจแบ่งเกรดน้ำมันดิบออกเป็น 2 เกรด คือน้ำมันดิบ Basra Heavy และ Basra Light เพื่อแก้ไขประเด็นเรื่องคุณภาพของน้ำมันดิบ ซึ่งเป็นผลทำให้บริษัทน้ำมันในแหล่งขุดเจาะของอิรักทำการผลิตน้ำมันเพิ่มสูง ขึ้น 

+ อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบได้ปรับลดลงไม่มากนัก เนื่องจาก ยังมีปัจจัยสนับสนุนจาก ค่าเงินดอลลาร์ของสหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลง  โดยอ่อนค่าลง 0.99% ไปสู่ระดับ 1.1091 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อ 1 ยูโร ซึ่งค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลง ส่งผลทำให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ ทั้งนี้ราคาได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันเบนซินในสหรัฐฯ ที่สูงขึ้นจากการปิดซ่อมบำรุงของโรงกลั่นในภูมิภาคอเมริกาเหนือและในภูมิภาค เอเชียเหนือ และราคาน้ำมันเบนซินยังได้รับแรงสนับสนุนจากความต้องการเพิ่มเติมจากประเทศ อินโดนีเซียและภูมิภาคอเมริกาใต้ 

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปทานน้ำมันดีเซลในภูมิภาคยังคงล้นตลาด เนื่องจากประเทศจีนยังคงส่งออกน้ำมันดีเซลอย่างต่อเนื่องหลังความต้องการใช้ ในประเทศลดลง  ประกอบกับมีการส่งออกเพิ่มเติมจากประเทศเกาหลีใต้ และมีการนำเข้าน้ำมันดีเซลลดลงจากประเทศในภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้

ทิศทางราคาน้ำมันดิบ

ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 47-52 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 53-58 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ปัจจัยที่น่าจับตามอง

จับตาการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ในวันที่ 28 – 29 ก.ค. ว่าจะมีมุมมองอย่างไรต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่คงอยู่ในระดับต่ำ ใกล้ศูนย์มาตั้งแต่ปี 2551 โดยจากการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์โดยส่วนใหญ่พบว่า FED มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในการประชุมเดือน ก.ย. โดยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ทั้งนี้จากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวแข็งค่าขึ้นและส่งผลกดดันราคาน้ำมันดิบ

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสที่ปรับลดลงมาต่ำกว่าระดับ 50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน เม.ย. ส่งผลให้บริษัทขุดเจาะและผลิตน้ำมันมีแนวโน้มจะชะลอการขุดเจาะอีกครั้ง แม้ในช่วงที่ราคาน้ำมันทรงตัวอยู่ในระดับ 55 – 60 เหรียญสหรัฐฯ ที่ผ่านมา จะทำให้ผู้ผลิตมีการเพิ่มจำนวนแท่นขุดเจาะขึ้น แต่คาดการณ์ของ Baker Hughes มองว่าในครึ่งปีหลังนี้แท่นขุดเจาะน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับลดลงโดยเฉพาะ แหล่งบนบกและแหล่งในน้ำตื้น

ความคืบหน้าการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน หลังสหประชาชาติมีมติเป็นเอกฉันท์ให้การรับรองข้อตกลงดังกล่าว แต่ข้อตกลงนี้จะมีผลบังคับใช้ในอีก 90 วัน ขณะที่สหภาพยุโรปแม้จะมีมติเห็นชอบข้อตกลงดังกล่าวเช่นกัน แต่จะยังคงไม่ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรจนกว่าจะเห็นความคืบหน้าจากรายงานของ IAEA ในวันที่ 15 ธ.ค. ก่อน ขณะที่สหรัฐฯ ยังคงอยู่ระหว่างการพิจารณาของสภาคองเกรสสหรัฐฯ ที่มีกรอบระยะเวลา 60 วันในการพิจารณา อย่างไรก็ดี ในระยะ1-2 เดือนนี้ อิหร่านอาจจะยังคงไม่สามารถส่งออกน้ำมันดิบได้เพิ่มมากขึ้นมากนัก 

การเจรจาระหว่างกรีซและกลุ่มเจ้าหนี้เพื่อแลกกับเงินช่วยเหลือจากกลุ่ม ประเทศยูโรโซนมูลค่า 8.6 หมื่นล้านยูโร ยังคงดำเนินต่อไป แม้รัฐสภากรีซได้มีมติอนุมัติร่างกฎหมายปฎิรูปเศรษฐกิจฉบับที่ 2 แล้วเมื่อวันที่ 22 ก.ค. ที่ผ่านมา  แต่กรีซยังจำเป็นต้องเจรจากับเจ้าหนี้เพิ่มเติมให้แล้วเสร็จก่อนวันที่ 22 ส.ค. 58 ซึ่งถือเป็นกำหนดชำระหนี้อีกมูลค่าราว 3.2 พันล้านยูโร 

ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตาม

วันศุกร์ ดัชนีภาคการผลิตจีน flash PMI  - ก.ค.

ดัชนีภาคการผลิตยูโรโซน - ก.ค.

ดัชนีภาคบริการยูโรโซน - ก.ค.

ยอดขายบ้านใหม่สหรัฐฯ - มิ.ย.

วันจันทร์ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนสหรัฐฯ - มิ.ย.

วันอังคาร ความเชื่อมันผู้บริโภคสหรัฐฯ - ก.ค.

วันพุธ ดัชนีภาคการผลิตสหรัฐฯ - ก.ค.

ดัชนีภาคการบริการสหรัฐฯ - ก.ค.

วันพฤหัสบดี จีดีพี Q2/15 สหรัฐฯ (YoY)

จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯ