กลยุทธ์วันนี้ Sideways
ตลาดหุ้นวานนี้:
ตลาดหุ้นไทยวันพุธที่ผ่านมา SET INDEX ยังคงเผชิญกับแรงขายหุ้นกลุ่มธนาคารต่อเนื่อง กดดันให้ SET INDEX ลงไปทดสอบ 1,400-1,405 จุด เป็นวันที่ 2 ก่อนที่จะเห็นการฟื้นตัวในช่วงบ่าย หลัง SCC รายงานกำไรสุทธิ 2Q58 ดีกว่าคาดถึง 24% อีกทั้งตลาดหุ้นยุโรปเปิดบวกจากผลการดำเนินงานที่ออกมาดีต่อเนื่อง ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX บวก 9.42 จุด มาอยู่ที่ 1,417.49 จุด มูลค่าการซื้อขาย 35,484 ล้านบาท กระแสเงินทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 6 อีก 1,353 ล้านบาท แต่คงการ Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 3 อีก 1,511 สัญญา แม้ว่าคงการขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 2 เล็กน้อย 180 ล้านบาทก็ตาม
ปัจจัยสำคัญวันนี้
เฟดคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.00-0.25% ตามที่ตลาดคาด ? ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจไทยเดือนมิ.ย. รายงานโดยธปท. ? iShare MSCI Thailand ETF ปิดบวกเป็นวันที่ 3 สะท้อนเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้
ปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า
ติดตามการประชุมครม.วันที่ 4 ส.ค. เพื่อพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 6 ข้อ ? ติดตามการประชุม กนง. วันที่ 5 ส.ค. ตลาดคาดคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 1.50%
ติดตามการหารือ 3 ฝ่าย ไทย – ญี่ปุ่น – เวียดนาม ต่อแผนการลงทุนโครงการทวาย วันที่ 5 ส.ค.
ติดตามผลการดำเนินงาน 2Q58 เช่น ADVANC / IRPC / PTTGC เป็นต้น มุมมองต่อตลาด เราคงน้ำหนักการลงทุนวันนี้เป็น “กลาง” วันที่ 18 ประเมินกรอบแกว่ง SET INDEX ระหว่าง 1,410-1,425 จุด มูลค่าการซื้อขายเบาบางลง เพราะเป็นช่วงคาบเกี่ยววันหยุดยาวของตลาดหุ้นไทย ขณะที่ตลาดหุ้นทั่วโลกวานนี้ปิดบวกเป็นส่วนใหญ่ หลัง เฟด คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายตามที่ตลาดคาดการณ์ แต่คงมุมมองต่อการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปีนี้ ทำให้ช่วงสั้น ปัจจัยต่างประเทศเป็นกลาง
ขณะที่ รมว.คลัง เตรียมเสนอแผนกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น 6 มาตรการต่อครม.วันที่ 4 ส.ค. หากพิจารณาในกรอบมาตรการที่ออกมา เรากลับให้น้ำหนักเป็นกลางเท่านั้น อาจยังไม่สามารถเรียกความเชื่อมั่นจากประชาชน และภาคเอกชนได้มากนัก แต่ความเห็นของรมว.คลัง ต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่จะมีการประชุม กนง.วันที่ 5 ส.ค. ว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ย ณ ปัจจุบัน ก็ไม่อาจช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ สอดคล้องกับตลาดคาดการณ์ว่า กนง.น่าจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ 1.50% ไปจนถึงสิ้นปี ซึ่งจะช่วยให้แรงกดดันต่อส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (NIMs) ของธนาคารขนาดใหญ่คลายตัวลง อาจทำให้หุ้นกลุ่มนี้เห็นการฟื้นตัวได้บ้าง หลังจากที่ปรับฐานลงเกือบตลอดสัปดาห์นี้
อีกทั้งผลการดำเนินงานของกลุ่มวัสดุก่อสร้าง อย่าง SCC / SCCC / DCC ต่างออกมาดีกว่าคาด เพราะได้ประโยชน์จากต้นทุนพลังงานที่ถูกลง อีกทั้งการควบคุมต้นทุนด้านอื่นๆ ที่เข้มงวด ทำให้เราเชื่อว่าแรงกดดันต่อการปรับประมาณการกำไรปี 2558-2559 ในรอบนี้เป็นไปอย่างจำกัด เว้นเสียแต่ว่ากลุ่มน้ำมันที่จะได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ ทรงตัวในระดับต่ำอยู่ ณ ปัจจุบัน เราประเมินว่าปัจจัยที่จะกลับมาเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนได้ในภาวะเช่น นี้ ได้แก่ 1) ค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ทรงตัวหรือแกว่งในกรอบแคบลง และ/หรือ 2) การปรับครม. โดยเฉพาะอย่างยิ่งทีมเศรษฐกิจ แม้ว่าปัญหาต่างๆ ที่สะสมมาเป็นเวลานาน ทำให้การทำงานของครม.ต้องใช้เวลาในการแก้ไขปัญหา แต่ ณ ปัจจุบัน เศรษฐกิจภายในประเทศที่เดินหน้าในระดับต่ำเพียงเพราะขาดความเชื่อมั่นทาง เศรษฐกิจ หากการปรับเปลี่ยน เพื่อเรียกความเชื่อมั่นจากภาคเอกชน ย่อมเป็นทางเลือกที่ดีในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้
กลยุทธ์การลงทุน
ดังนั้น เราแนะนำ “นักลงทุนระยะกลาง ยังคงสามารถเลือกสะสมหุ้นในลักษณะ Bottom Fishing เน้นที่ประเด็นพื้นฐานการลงทุน และ/หรือ ผลตอบแทนปันผลทั้งปีไม่ต่ำกว่า 4.0% เป็นเกณฑ์การเลือกหุ้นลงทุน ภายใต้ภาวะการลงทุนที่อ่อนแอในปัจจุบัน”
Top Pick in 3Q15: BCP / BMCL/ IFEC / WHA
HOLD: ITD / TPIPL/ BJCHI/ ADVANC/ WHA/ THAI/ BCP/ IFEC/ INTUCH
Accumulative Buy: ADVANC / SCC
ข่าวเด่น