ตลาดหุ้นวานนี้: ตลาดหุ้นไทยวันอังคาร แม้ว่า SET INDEX จะมีความพยายามฟื้นตัว ผลักดันด้วยหุ้นกลุ่มพลังงาน แต่เมื่อจีนประกาศขยายแบนด์การซื้อขายเงินหยวน 1.9% ทำให้เงินบาทอ่อนเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ค่อนข้างเร็ว เกิดแรงขายในหุ้นหลัก โดยเฉพาะ AOT ส่วน ADVANC ลดลงมากกว่าเงินปันผลระหว่างกาล กดดัน SET INDEX ปิดลบถึง 11.81 จุด มาอยู่ที่ 1,408.32 จุด มูลค่าการซื้อขาย 33,900 ล้านบาท กระแสเงินทุนต่างชาติเป็นกลางวันที่ 5 ขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 7 อีก 1,215 ล้านบาท Short สุทธิใน SET50 Index Futures วันแรกในรอบ 3 วันทำการ 2,940 สัญญา และซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 4 อีกเล็กน้อย 122 ล้านบาท แม้ว่าเงินบาทจะอ่อนค่ามากถึง 20 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐฯ ระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย
ปัจจัยสำคัญวันนี้ นายกฯ ยืนยันพร้อมเสนอรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ คาดว่าจะเสนอชื่อขึ้นทูลเกล้า หลังงาน Bike for Mom
ค่าเงินบาทอ่อนค่าแตะระดับ 35.50 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ วานนี้ คาดว่าการเคลื่อนย้ายเงินทุนต่างชาติผันผวนไปอีกสักพัก
ทิศทางราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังคงอ่อนแอ จากแรงกดดันของอุปทานที่เพิ่มขึ้น จีนกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนกลางเช้านี้ที่ 6.4010 หยวน/ดอลลาร์ จากวันก่อนหน้า 6.3306
มุมมองต่อตลาด เราลดน้ำหนักการลงทุนวันนี้เป็น “กลางถึงลบ” ครั้งแรกในรอบ 26 วันทำการ SET INDEX มีโอกาสทดสอบแนวรับ 1,400 จุด อีกครั้ง จากการขยายกรอบค่าเงินหยวนเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วง 2 วันทำการที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดความผันผวนในสินทรัพย์แทบทุกประเภททั่วโลก เราประเมินผลกระทบดังกล่าวเป็นเพียงระยะสั้น ดังนี้
-ดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ กลับอ่อนค่า 0.91% ในช่วง 2 วันทำการที่ผ่านมา แต่เงินยูโรกลับแข็งค่าอย่างโดดเด่น 1.32%
-ราคาน้ำมันดิบปรับฐานลงแรง จากความอ่อนแอของอุปสงค์น้ำมันในจีนที่เติบโตต่ำ ขณะที่อุปทานจากกลุ่มโอเปคกลับเพิ่มขึ้น เท่ากับว่าอัตราเงินเฟ้อในเอเชีย ซึ่งเป็นประเทศบริโภคน้ำมันเป็นหลัก จะยังสามารถอยู่ในระดับต่ำ เอื้อต่อการคงนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายได้ต่อเนื่อง
-ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับฐานลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นที่มีธุรกิจเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจจีน เพราะตลาดกังวลถึงความสามารถในการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวจีนได้รับผลกระทบ แต่เราเชื่อว่าประเด็นนี้มีน้ำหนักจำกัด และเป็นช่วงสั้นๆ เท่านั้น
– จับตาอัตราแลกเปลี่ยนเงินสกุลเอเชีย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ริงกิต มาเลเซีย / รูเปียะ อินโดนีเซีย และวอน เกาหลีใต้ เพราะดุลบัญชีเดินสะพัดที่เปราะบาง และ/หรือ เงินทุนสำรองระหว่างประเทศที่อยู่ในระดับต่ำ ปัจจัยนี้ อาจทำให้ตลาดหุ้นของประเทศเหล่านี้ปรับฐานลงแรง รวมถึงตลาดหุ้นในเอเชียเกิดใหม่อื่นๆ อย่าง TAIEX / PSE / เวียดนาม ต่างชาติซื้อสุทธิหนาแน่นนับตั้งแต่ปีที่ผ่านมา อาจเผชิญกับการปรับพอร์ตหุ้นที่ค่อนข้างแรงในช่วงนี้ คาดกนง. จะพิจารณาคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50% ในการประชุมนัดหน้า หลังค่าเงินบาทอ่อนค่าแตะระดับ 35.50 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ
ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศ กลับมองว่าการขยับของธนาคารกลางจีนครั้งนี้ เพื่อให้ค่าเงินหยวนระหว่าง Onshore – Offshore ใกล้เคียงกัน และนำไปสู่การพิจารณานำเงินหยวนเข้าสู่ SDR ที่ IMF จะมีพิจารณาในปลายปีนี้ สำหรับตลาดหุ้นไทย แรงขายจากต่างชาติยังคงดำเนินต่อไป เช่นเดียวกับตลาดหุ้นอื่นๆ ในเอเชียเกิดใหม่ อีกทั้งกลุ่มน้ำมันที่เผชิญกับราคาน้ำมันดิบที่ปรับฐานลงแรง ย่อมกดดันในภาพรวมของการลงทุน
อย่างไรก็ตาม แรงขายจากกลุ่มน้ำมัน ย่อมมีกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มวัสดุก่อสร้าง / กลุ่มท่องเที่ยว ช่วยลดแรงกดดันได้ในระดับหนึ่ง ประเด็นการปรับครม. โดยเฉพาะทีมเศรษฐกิจ ที่อาจเสนอชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ในสัปดาห์หน้า เรียกความเชื่อมั่นได้ในระดับหนึ่ง
กลยุทธ์การลงทุน ดังนั้น เราแนะนำ “นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง พิจารณาเข้าซื้อเก็งกำไรแบบจำกัดวงเงินบริเวณ 1,400 จุด +/- เน้นหุ้นที่งบ 2Q58 เติบโตเด่น และมีแนวโน้มเป็นบวกต่อในช่วงที่เหลือของปีนี้”
Top Pick in 3Q15: BCP / BMCL/ IFEC / WHA HOLD: ITD / TPIPL/ BJCHI/ ADVANC/ WHA/ THAI/ BCP/ IFEC/ INTUCH Accumulative Buy: INTUCH
ข่าวเด่น