- ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง เนื่องจากปริมาณน้ำมันสำเร็จรูปคงคลังสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ แม้ว่าปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ จะปรับลดลงก็ตาม หลังนักวิเคราะห์มองว่าการลดลงของปริมาณน้ำมันดิบคงคลังล่าสุดมีสาเหตุมาจากปริมาณการนำเข้าที่ลดลง โดยต่างยังจับตามองทิศทางของปริมาณน้ำมันดิบต่อไป เนื่องจากสหรัฐฯ  จะเข้าสู่ช่วงฤดูกาลปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่น ซึ่งอาจส่งผลให้ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังปรับตัวเพิ่มขึ้นได้
  

- ทั้งนี้ สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังรายสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 21 ส.ค. 58 ปรับเพิ่มขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่รอยเตอร์คาดการณ์ว่าจะปรับลดลง 1.3 ล้านบาร์เรล ซึ่งส่งผลให้ราคาสัญญาล่วงหน้าน้ำมันเบนซินของสหรัฐฯ (RBOB) ปรับลดลงร้อยละ 6 จากวันก่อนหน้า หรือร้อยละ 12 จากสัปดาห์ก่อน โดยแตะระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือน นอกจากนี้ ปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังปรับเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล สูงกว่าที่รอยเตอร์คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นที่ 0.9 ล้านบาร์เรล
  

-/+ นักวิเคราะห์ให้น้ำหนักกับปัจจัยจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณน้ำมันสำเร็จรูปคงคลังมากกว่าการลดลงของปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ แม้ว่าปริมาณมาณน้ำมันดิบคงคลังจะลดลงมากถึง 5.5 ล้านบาร์เรล จากสัปดาห์ก่อน ซึ่งเป็นการปรับลดที่มากที่สุดในระยะหนึ่งสัปดาห์นับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมิ.ย. 58 ทั้งนี้ รายงานของ EIA สวนทางกับการคาดการณ์ของรอยเตอร์ก่อนหน้าที่คาดว่าปริมาณน้ำมันดิบคงคลังจะปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 1 ล้านบาร์เรล
  

- นอกจากนี้ ตลาดยังคงมีความกังวลต่อภาวะอุปทานส่วนเกิน เนื่องจากปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ และตะวันออกกลาง ยังอยู่ในระดับสูง ประกอบกับอุปสงค์ที่คาดว่าจะลดลงตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาคเชีย

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับลดลงสวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากราคาน้ำมันเบนซินลดลงตามราคาสัญญาล่วงหน้าน้ำมันเบนซินของสหรัฐฯ  ประกอบกับปริมาณอุปทานที่มีเพียงพอต่อความต้องการ  เนื่องจากอุปสงค์ที่ซบเซา หลังปริมาณการนำเข้าจากอินโดนีเซียลดลง เหตุจากค่าเงินรูเปียห์เทียบเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงต่ำสุดในรอบ 17 ปี  รวมทั้งอุปสงค์ในญี่ปุ่นที่ลดลง เนื่องจากใกล้หมดช่วงการขับขี่ ส่งผลให้ปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังของญี่ปุ่นรายสัปดาห์ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.8 มาสู่ระดับ 10.43 ล้านลิตรในสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 22 ส.ค. 58
  

ราคาน้ำมันดีเซล  ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากโรงกลั่นบางแห่งลดกำลังการผลิต หลังกำไรจากการกลั่นน้ำมันดีเซลอยู่ในระดับต่ำ อย่างไรก็ดี อุปสงค์ในภูมิภาคเอเชียยังคงอ่อนแอ รวมทั้งปริมาณอุปทานที่มีเพียงพอต่อความต้องการ โดยจีนยังคงส่งออกน้ำมันดีเซลเดือน ก.ค. 58 ในระดับสูง แม้ว่าปริมาณการส่งออกนี้ลดลงร้อยละ 19 จากเดือนก่อนหน้า นอกจากนี้ นักค้าน้ำมันยังคาดว่าจีนจะส่งออกเพิ่มขึ้น หลังปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังของจีนอยู่ในระดับสูง ประกอบกับอุปสงค์ในประเทศที่คาดว่าจะลดลงตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน

ทิศทางราคาน้ำมันดิบ
  

ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสสัปดาห์นี้เคลื่อนไหวที่กรอบ 37-42 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 42-47 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ปัจจัยที่น่าจับตามอง
  

แนวทางการแก้ปัญหาหนี้สินของกรีซในขั้นต่อไป หลังกรีซได้รับเงินกู้งวดแรกจากกองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM) มูลค่า 1.3 หมื่นล้านยูโรจากจำนวนเงินกู้ทั้งหมด 8.6 หมื่นล้านยูโรเมื่อวันที่ 19 ส.ค. ที่ผ่านมา  ทำให้กรีซสามารถจ่ายชำระหนี้มูลค่า 3.2 พันล้านยูโรต่อธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้ทันกำหนดในวันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมา รวมถึงจับตาการเลือกตั้งครั้งใหม่ของกรีซที่กำลังจะเกิดขึ้นด้วย
  

จับตาว่าจีนจะมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมหรือไม่ เพื่อจัดการกับเศรษฐกิจของประเทศที่กำลังเผชิญกับภาวะชะลอตัว อย่างไรก็ดี ล่าสุดคณะกรรมการบริหารกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ตัดสินใจขยายระยะเวลาการทบทวนการนำสกุลเงินหยวนของจีนเข้าสู่ตะกร้าสกุลเงิน SDR(Special Drawing Right) ออกไปอีก 9 เดือน จากเดิมวันที่ 31 ธ.ค.2558 ไปเป็นวันที่ 30 ก.ย.2559 โดย IMF ให้เหตุผลว่ายังคงต้องการใช้เวลาเพิ่มเติมเพื่อพิจารณาประเด็นนี้อีกครั้งหนึ่ง
  

ภาวะอุปทานน้ำมันดิบล้นตลาดที่มีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้น แม้ว่าราคาน้ำมันดิบจะเคลื่อนไหวอยู่ในระดับต่ำ แต่จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ที่รายงานโดย Baker Hughes ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่ากำลังผลิตของสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในระดับสูง นอกจากนี้  ข้อมูลล่าสุดเปิดเผยอัตราการผลิตน้ำมันดิบในรัฐ North Dakota ของสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้น 8,500 บาร์เรลต่อวัน สู่ระดับ 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในเดือน มิ.ย.เป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันด้วย