ตลาดหุ้นโลกปิดตลาดเมื่อคืนนี้ (27 ส.ค.58) สดใสขึ้น ทั้งตลาดหุ้นอเมริกาที่ดัชนีดีดตัวพุ่งขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่สอง และตลาดหุ้นยุโรปท่ี่ปรับตัวขึ้นแรงเช่นกัน โดยดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 16,654.77 จุด พุ่งขึ้น 369.26 จุด หรือ +2.27% ,ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,812.71 จุด เพิ่มขึ้น 115.17 จุด หรือ +2.45% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,987.66 จุด เพิ่มขึ้น 47.15 จุด หรือ +2.43%

ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 3.5% ปิดที่ 362.27 จุด,ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศส ปิดที่ 4,658.18 จุด พุ่งขึ้น 157.13 จุด หรือ +3.49% ,ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมัน ปิดที่ 10,315.62 จุด พุ่งขึ้น 318.19 จุด หรือ +3.18% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอน ปิดที่ 6,192.03 จุด เพิ่มขึ้น 212.83 จุด หรือ +3.56%

โดยปัจจัยบวกที่ส่งผลกระตุ้นตลาดให้ปรับตัวขึ้นแรง เกิดขึ้นหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยว่า GDP ไตรมาส 2/2558 ขยายตัว 3.7% สูงกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 2.3% และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 3.3% โดยการปรับตัวดีขึ้นดังกล่าวเกิดจากการที่ภาคธุรกิจเพิ่มการลงทุนและเพิ่มสต็อกสินค้า รวมทั้งการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภค และการใช้จ่ายของรัฐบาล
  

ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่แล้ว ลดลง 6,000 ราย สู่ระดับ 271,000 ราย ซึ่งลดลงมากว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 273,000 ราย บ่งชี้ว่าตลาดแรงงานสหรัฐยังคงมีความแข็งแกร่ง
  

นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดยังคงได้รับแรงหนุนหลังจากนายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก ส่งสัญญาณว่า เฟดมีแนวโน้มลดลงที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐยังคงเผชิญความเสี่ยงจากภาวะปั่นป่วนในตลาดโลกระยะนี้

ส่วนตลาดหุ้นยุโรป นอกจากปัจจัยบวกเรื่องเศรษฐกิจสหรัฐแล้ว ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากรายงานของสถาบัน Ifo ที่ระบุว่า บริษัทของเยอรมนีว่าจ้างพนักงานมากขึ้นในเดือนส.ค. หลังจากลดลงในเดือนมิ.ย.และก.ค. โดยเฉพาะในภาคค้าปลีกและค้าส่งที่มีการว่าจ้างพนักงานเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งสะท้อนว่าผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นมากขึ้น ทั้งนี้ ดัชนีการจ้างงานของ Ifo ดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 108.3 ในเดือนส.ค. จาก 107.2 ในเดือนก.ค. ส่วนภาคบริการมีการจ้างงานสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2011 เป็นต้นมา