ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
เมย์แบงก์ กิมเอ็ง มอง Downside risk ของ SET INDEX วันนี้ ยังเป็นไปอย่างจำกัด แนะกลับเข้าสะสมหุ้นเป้าหมายอีกครั้ง หลัง SET ปรับฐานลงสู่ 1,350-1,360 จุด เน้นกลุ่ม Domestic Play


กลยุทธ์วันนี้
Domestic Play

ตลาดหุ้นวานนี้:
  

ตลาดหุ้นไทยวานนี้ ปรับฐานลงแรง หลัง DJIA Futures ปรับตัวลงกว่า 300 จุด ระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย ตัวเลข PMI ภาคการผลิตของจีนลดลงต่อเนื่อง ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปรับฐานลงสู่แนว US$47 ทำให้กลุ่มพลังงานได้รับแรงกดดัน และเกิดแรงขาย เพื่อปิดความเสี่ยงที่มากขึ้นในช่วงปิด ปิด ณ สิ้นวันที่ 1,362.39 จุด ลบ 20.02 จุด มูลค่าการซื้อขายหนาแน่น 42,9118 ล้านบาท

นักลงทุนต่างชาติน่าสนใจต่อเนื่อง เพราะคงการซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 อีก 878 ล้านบาท Long สุทธิ SET50 Index Futures เป็นวันที่ 6 เร่งขึ้นเป็น 3,188 สัญญา แม้ว่าจะคงการขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 9 เล็กน้อย 770 ล้านบาท

ปัจจัยสำคัญวันนี้

  

ความคืบหน้าเชิงบวกต่อการจับกุมผู้ต้องสงสัย คดีการวางระเบิดที่สี่แยกราชประสงค์ เชื่อว่าจะเรียกความเชื่อมั่นภาคการท่องเที่ยว
แผนการเรียกความเชื่อมั่นของรมว.คลัง 3 มาตรการที่ได้รับการอนุมัติ คาดว่าจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นจากนักลงทุนดีขึ้น
  

ติดตามการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติอย่างใกล้ชิด หลังนักลงทุนกลุ่มนี้ซื้อสุทธิตลาด Spot และ Long สุทธิต่อเนื่อง SET50 Index Futures
  

วันนี้ติดตามรายงาน Beige Book ของเฟด

มุมมองต่อตลาด

  

มุมมองต่อตลาดหุ้นไทยในวันนี้ เราคงมุมมอง “กลางถึงบวก” เป็นวันที่ 2 แม้ว่า SET INDEX จะปรับฐานลงสู่แนว 1,360 – 1,365 จุด ตามที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ SET INDEX จะยังต้องสร้างฐานให้เกิดความแข็งแกร่งบริเวณ 1,350-1,360 จุด สักพัก เรายังเชื่อว่า Downside risk ของ SET INDEX จะเป็นไปอย่างจำกัด แนวดังกล่าวจะยังทำงานได้อย่างแข็งแกร่ง จากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเริ่มทรงตัวดีขึ้น ทำให้แรงกดดันต่อกลุ่มพลังงาน / ปิโตรเคมี คลายตัวลง เมื่อเทียบกับช่วง 2 สัปดาห์ก่อนหน้า
  

ขณะที่ปัจจัยเชิงบวกต่อปัจจัยพื้นฐานการลงทุนในตลาดหุ้นไทยคือ มาตรการเรียกความเชื่อมั่นจากทีมเศรษฐกิจ วานนี้ ครม.ได้อนุมัติแผนอัดฉีดเงินเข้าสู่กลุ่มผู้มีรายได้น้อย ทั้งผ่านกองทุนหมู่บ้าน เงินอัดฉีดสู่ 1 ตำบล 5 ล้านบาท และการกู้ดอกเบี้ยต่ำแก่ SMEs เพื่อคาดหวังให้การใช้จ่ายของกลุ่มเป้าหมายนี้ฟื้นตัวดีขึ้น และท้ายที่สุดระบบการหมุนเวียนของเศรษฐกิจจะได้กลับมาเดินหน้า
  

ส่วนการลงทุนขนาดใหญ่ของกระทรวงคมนาคม / กพช. เราเชื่อว่า หน่วยงานที่ได้รับการอนุมัติจากครม.แล้วจะเร่งขั้นตอนการประมูลโครงการต่างๆ ตามมาตั้งแต่เดือนนี้ โครงการรถไฟรางคู่ที่ประกาศร่าง TOR ไปก่อนหน้านี้ การเปิดกรอบการยื่นเสนอขายโครงการพลังงานโซล่าร์ของหน่วยราชการ และ สหกรณ์ 800 เมกกะวัตต์ หากเริ่มเห็นขั้นตอนต่างๆ เป็นรูปธรรม เราเชื่อว่าความเชื่อมั่นของภาคเอกชน และนักลงทุนจะฟื้นตัวเป็นลำดับ
  

แน่นอนว่า เรายังให้น้ำหนักกับการลงทุนของต่างชาติผ่านตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้อย่างใกล้ชิด หลังมีจุดเปลี่ยนจากทีมเศรษฐกิจ / แนวทางการเรียกความเชื่อมั่น / ภาพรวมเศรษฐกิจน่าจะผ่านจุดต่ำสุด แต่ยังไม่ชัดในแง่ของการฟื้นตัว ทำให้แรงขายจากต่างชาติชะลอตัวต่อเนื่อง แต่น่าจะจุด turning point ของการกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยได้เช่นกัน ซึ่งจะเป็นตัวแปรสำคัญต่อภาพรวมการลงทุน

สำหรับปัจจัยต่างประเทศ ยังมีความเปราะบาง ทั้งในส่วนของทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟด ว่าจะขยับขึ้นในการประชุมวันที่ 17 ก.ย.นี้หรือไม่ และความเปราะบางของเศรษฐกิจจีน ที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะทำให้ตลาดหุ้นไทยยังมีความผันผวน แต่จะเป็นไปอย่างจำกัด จากปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจไทยเป็นตัวช่วยลดแรงกดดัน รวมถึงต่างชาติจะเป็นการ Wait&See ตลาดหุ้นไทย

กลยุทธ์การลงทุน
  

ดังนั้น เราแนะนำ “นักลงทุนกลับเข้าสะสมหุ้นเป้าหมายอีกครั้ง หลัง SET INDEX ปรับฐานลงสู่ 1,350-1,360 จุด โดยยังคงเน้นกลุ่ม Domestic Play เป็นสำคัญ”
  Top Pick in 3Q15: BCP / BMCL/ IFEC / WHA
  HOLD: ITD / TPIPL/ BJCHI/ ADVANC/ WHA/ BCP/ IFEC/ INTUCH/ KTB
  Accumulative Buy: ADVANC/ ITD


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 02 ก.ย. 2558 เวลา : 10:44:20

22-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 22, 2024, 3:26 am