ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ 11 กันยายน ที่ผ่านมา ปรับขึ้น 102.69 จุด หรือ 0.63% ปิดที่ 16,433.09 จุด ,ดัชนี S&P 500 บวก 8.76 จุด หรือ 0.45% ปิดที่ 1,961.05 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 26.09 จุด หรือ 0.54% ปิดที่ 4,822.34 จุด
โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ทรงตัวในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ค. โดยดัชนี PPI ที่ทรงตัวบ่งชี้ว่าอัตราเงินเฟ้อยังคงอยูในระดับต่ำ ท่ามกลางการร่วงลงของราคาน้ำมัน
ด้านผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกน ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐเบื้องต้นประจำเดือนก.ย.ลดลงสู่ระดับ 85.7 โดยต่ำกว่า 91.9 ซึ่งเป็นตัวเลขขั้นสุดท้ายของเดือนส.ค. และต่ำกว่าระดับ 91.1 ซึ่งเป็นตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ทั้งนี้ เฟดจะจัดการประชุมในวันที่ 16-17 ก.ย.นี้ โดยนักวิเคราะห์และตลาดการเงินคาดว่าเฟดมีแนวโน้มคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ ขณะที่จับตาแถลงการณ์หลังการประชุมเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกของเฟดในรอบเกือบ 10 ปี
ด้านตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1% ปิดที่ 355.72 จุด ,ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศส ปรับตัวลง 47.81 จุด หรือ 1.04% ปิดที่ 4,548.72 จุด , ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมัน ลดลง 86.88 จุด หรือ 0.85% ปิดที่ 10,123.56 จุด และดัชนี FTSE 100 ลดลง 38.05 จุด หรือ 0.62% ปิดที่ 6,117.76 จุด
โดยนักลงทุนมีความไม่มั่นใจต่อทิศทางของอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ ก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะจัดการประชุมในวันที่ 16-17 ก.ย. โดยนักลงทุนต่างจับตาแถลงการณ์หลังการประชุมเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกของเฟดในรอบเกือบ 10 ปี
นอกจากนี้ ตลาดยังจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจจีนหลายรายการที่จะมีการเปิดเผยในวันอาทิตย์ได้แก่ ยอดค้าปลีกเดือนส.ค. การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเดือนส.ค. และผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค. เนื่องจากเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวกำลังส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก
ข่าวเด่น