การประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เมื่อคืนนี้ (17 ก.ย.58) มีมติด้วยคะแนนเสียง 9 ต่อ 1 ให้คงอัตราดอกเบี้ยในช่วง 0-0.25% ต่อไป ท่ามกลางความวิตกต่อเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอ และตลาดการเงินที่ไร้เสถียรภาพ ขณะที่เงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ แต่ก็เปิดช่องสำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเล็กน้อยในช่วงต่อไปของปีนี้
โดยเฟดระบุว่า ถึงแม้ตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่ง แต่ความผันผวนในตลาดการเงินและเศรษฐกิจโลกในช่วงที่ผ่านมา อาจส่งผลกระทบต่อกิจกรรมในระบบเศรษฐกิจของสหรัฐ และมีแนวโน้มที่จะทำให้มีแรงกดดันในช่วงขาลงต่อเงินเฟ้อในระยะใกล้ ซึ่งเฟดกำลังจับตาสถานการณ์ในต่างประเทศ ซึ่งบ่งชี้ว่าเฟดมีความกังวลมากขึ้นว่าภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจนอกสหรัฐจะกระทบต่อเศรษฐกิจในอเมริกา
แถลงการณ์ของเฟดย้ำว่า ในการตัดสินใจว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อใดนั้น เฟดต้องการที่จะเห็นว่าตลาดแรงงานปรับตัวดีขึ้นอีก และมีความเชื่อมั่นว่าอัตราเงินเฟ้อจะปรับตัวขึ้นสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2%
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่เฟดได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในปีนี้ โดยคาดว่าจะเติบโต 2.0%-2.3% จากเดิมที่คาดการณ์ในเดือนมิ.ย.ที่ 1.8%-2.0% และเฟดได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 2016 ที่ 2.2%-2.6% จากเดิมที่ 2.4%-2.7% และคาดว่าจะขยายตัว 2.2% ในปี 2017
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่เฟด 13 จาก 17 ราย ระบุว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกจะเกิดขึ้นในปีนี้ โดยคาดว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% เป็นจำนวน 1 ครั้งก่อนสิ้นปี แต่ในการคาดการณ์ครั้งก่อน เจ้าหน้าที่เฟดคาดว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้
เฟดปรับลดคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในปีนี้สู่ระดับ 0.4% จากเดิมที่ 0.7% ส่วนในปี 2016 คาดว่าจะอยู่ที่ 1.7% ขณะที่ปี 2017 คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 1.9%
นอกจากนี้ เฟดคาดการณ์ว่า อัตราการว่างงานจะแตะ 5.0%-5.1% ในปีนี้ เทียบตัวเลขคาดการณ์ในเดือนมิ.ย.ที่ 5.2%-5.3% และจะปรับตัวลงสู่ระดับ 4.7%-4.9% ในปี 2016 เทียบตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ 4.9%-5.1%
ข่าวเด่น