ตลาดหุ้นอเมริกาเมื่อคืนนี้ (23 ก.ย.58) ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 16,279.89 จุด ลดลง 50.58 จุด หรือ -0.31% ,ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,752.74 จุด ลดลง 3.98 จุด หรือ -0.08% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,938.76 จุด ลดลง 3.98 จุด หรือ -0.20%
โดยหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ของสหรัฐอ่อนแรงลงเมื่อคืนนี้ อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลต่อรายงานที่ว่า บรรดาบริษัทกลั่นน้ำมันของสหรัฐได้ปรับลดอัตราการกลั่นน้ำมันลง 2.2% สู่ระดับ 90.9% โดยวานนี้สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.ลดลง 1.88 ดอลลาร์ หรือ 4.1% ปิดที่ 44.48 ดอลลาร์/บาร์เรล
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากรายงานของมาร์กิต ซึ่งระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐอยู่ที่ระดับ 53.0 ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับเดียวกับเดือนส.ค. และเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 22 เดือน หรือต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2013 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนี PMI จะปรับตัวอยู่ที่ระดับ 53.0 ในเดือนก.ย.
และตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากนายนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) แถลงต่อที่ประชุมรัฐสภายุโรปเมื่อวานนี้ว่า ECB จำเป็นต้องประเมินสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจโดยรวม ก่อนที่จะตัดสินใจใช้มาตรการผ่อนคลายการเงินเพิ่มเติม
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนส.ค., ยอดขายบ้านใหม่เดือนส.ค., จีดีพีขั้นสุดท้ายช่วงไตรมาส 2/2558, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นเดือนก.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนก.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
ข่าวเด่น