- ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสปรับลดลง 1.35 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล แม้ว่าสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) ประกาศตัวเลขน้ำมันดิบคงคลังสิ้นสุด ณ วันที่ 18 ก.ย. ปรับลดลงมากถึง 1.9 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับลดลงราว 533,000 บาร์เรล เนื่องจากผู้เล่นในตลาดมีความกังวลเกี่ยวกับอุปทานส่วนเกินของน้ำมันเบนซิน หลังตัวเลขน้ำมันเบนซินคงคลังปรับเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับตัวสูงขึ้นเพียง 819,000 บาร์เรลฅ - นอกจากนี้ Colonial Pipeline บริษัทขนส่งน้ำมันสำเร็จรูปทางท่อ เปิดเผยว่าการปิดซ่อมบำรุงท่อส่งน้ำมันที่ 3 และ 4 หลังพบรอยรั่วของน้ำมันเบนซินขณะขนส่งตั้งแต่ช่วงวันจันทร์ที่มา จะเสร็จสิ้นและสามารถนำท่อทั้งสองกลับมาใช้ดำเนินการได้ในเวลา 18.00น. ตามเวลาของสหรัฐฯ ส่งผลให้ความกังวลที่สหรัฐฯ จะต้องนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปเพิ่มจากยุโรปมากขึ้นคลายตัวลง โดยท่อขนส่งน้ำมันที่ 3 เพียงท่อเดียวก็มีกำลังการส่งน้ำมันเบนซินและ Distillates ประมาณ 850,000 บาร์เรลจากรัฐนอร์ธแคโรไลน่าไปยังรัฐนิวเจอร์ซีย์ - ดัชนีภาคการผลิตจีน (Caixin PMI) - ก.ย. ปรับตัวลดลงจาก 47.3 ในเดือน ส.ค. แตะระดับ 47.0 ต่ำสุดในรอบ 78 เดือนนับตั้งแต่เดือน มี.ค. 2009 ตัวเลขที่อยู่ในระดับต่ำกว่า 50 ส่งสัญญาณว่ากิจกรรมภาคอุตสาหกรรมการผลิตของจีนยังชะลอตัวหลังได้รับผลกระทบจากดัชนีราคาและอุปสงค์ภายนอกประเทศที่อ่อนตัว - ดัชนีภาคการผลิตยูโรโซน (Markit PMI) ปรับลดลงจาก 52.3 ในเดือน ส.ค. มาอยู่ที่ 52.0 ในเดือน ก.ย. แตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน เนื่องจากอุปสงค์การนำเข้าสินค้าจากทวีปเอเชียที่อ่อนตัวลงส่งผลให้ธุรกิจการส่งออกของยูโรโซนค่อนข้างซบเซา มีผลทำให้อัตราการจ้างงานอยู่ในระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ก.พ. ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากอุปสงค์ที่ดีอย่างต่อเนื่องในภูมิภาค ประกอบกับความต้องการน้ำมันเบนซินจากจีนก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวในเดือนตุลาคม นอกจากนี้ การปิดซ่อมบำรุงของโรงกลั่นทำให้อุปทานปรับตัวลดลง ราคาน้ำมันดีเซล ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงหนุนจากการปิดซ่อมบำรุงของโรงกลั่นบางแห่งมีส่วนช่วยบรรเทาภาวะอุปทานล้นตลาด นอกจากนี้ อุปสงค์ในแอฟริกาตะวันตกละประเทศเวียดนามยังปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ดี อุปสงค์ในจีนยังคงเบาบาง ส่งผลให้ปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังในจีนอยู่ในระดับสูง ทิศทางราคาน้ำมันดิบ ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสสัปดาห์นี้เคลื่อนไหวที่กรอบ 43-48 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 46-52 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ปัจจัยที่น่าจับตามอง * ดัชนีภาคการผลิตจีน (Caixin PMI) เดือน ก.ย. ที่จะประกาศในสัปดาห์นี้ ซึ่งคาดว่าจะออกมาอยู่ในระดับหดตัวอาจส่งผลให้ภาพรวมจีดีพีของจีนปีนี้เติบโตน้อยกว่าเป้าหมายของรัฐบาลที่ร้อยละ 7 ซึ่งอาจส่งผลต่อความต้องการใช้น้ำมันของจีนให้ปรับลดลงด้วย ขณะที่สถานการณ์ตลาดหุ้นจีนก็ยังคงผันผวนและเป็นที่น่ากังวลเช่นกัน แม้คณะกรรมการกำกับตลาดหลักทรัพย์ของจีนหรือ CSRC และรัฐบาลจีนจะออกมาตรการต่างๆ เพื่อลดความผันผวนลงแล้วก็ตาม * การผลิตน้ำมันดิบของผู้ผลิตกลุ่มโอเปกที่ยังไม่มีท่าทีจะลดปริมาณยังคงส่งผลกดดันราคาน้ำมัน โดยโอเปกล่าสุดในเดือน ส.ค. ยังคงผลิตน้ำมันดิบอยู่ที่ระดับสูงราว 31.57 ล้านบาร์เรลต่อวัน นอกจากนี้ ผู้ผลิตน้ำมันดิบในกลุ่มโอเปก ได้แก่ ซาอุฯ คูเวต อิหร่าน ยังคงปรับลดราคาขายน้ำมันดิบ (OSPs) ที่จะขายไปยังตลาดเอเชียในเดือน ต.ค. ลงเพื่อแข่งขันกับผู้ผลิตรายอื่นด้วย * การลงมติคัดค้านการยกเลิกคว่ำบาตรของ Republican ที่ไม่เป็นผลสำเร็จ ส่งผลให้มีความเป็นไปได้มากขึ้นที่สหรัฐฯ จะยกเลิกคว่ำบาตรอิหร่าน ซึ่งอาจส่งผลให้อุปทานในตลาดในตลาดเพิ่มมากขึ้นและกดดันราคาน้ำมัน อย่างไรก็ตาม อิหร่านจะยังคงไม่สามารถส่งออกน้ำมันดิบเพิ่มได้ในเร็วๆ นี้ เนื่องจากหลายฝ่ายยังคงรอรายงานของทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) วันที่ 15 ธ.ค. ก่อนเพื่อรอผลตรวจสอบว่าอิหร่านมีการปฎิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวจริง * ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มปรับลดลงต่อเนื่องมาอยู่ที่ 9.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากระดับสูงสุดในเดือน มิ.ย. 58 ที่ 9.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน รวมถึงจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบซึ่งรายงานโดย Baker Hughes ที่ตลาดคาดว่าจะปรับลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน อาจส่งแรงหนุนให้ราคาปรับลดลงไม่มากนัก
ข่าวเด่น