สภาวะตลาดวันที่ 29 กันยายน 2558

ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,125.80-1,134.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 19,450 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวลดลง 50 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,500 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFV15 อยู่ที่ 19,560 บาท โดยราคาปรับตัวลดลง 110 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,670 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 16.05 น.ของวันที่ 29/09/15)

แนวโน้มวันที่ 30 กันยายน 2558
   

ความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจของจีนเพิ่มขึ้น หลังจากบริษัทภาคอุตสาหกรรมมีกำไรลดลงมากที่สุดในรอบ 4 ปี ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกดิ่งลงและนักลงทุนพากันเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยซึ่งพยุงราคาทองคำไว้ อย่างไรก็ตาม การส่งสัญญาณจากเจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)ที่ไร้ทิศทางเกี่ยวกับจังหวะเวลาที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนั้น ไม่ได้เป็นปัจจัยหนุนตลาดทองคำ โดยนักลงทุนยังคงติดตามการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐเพื่อใช้ชี้วัดแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดแทน หลังจาก นายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์คและนายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโกได้ส่งสัญญาณสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ โดยพวกเขาคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นสู่เป้าหมายที่ 2% ของเฟด แต่ นายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานเฟดสาขาชิคาโก เรียกร้องให้คงอัตราดอกเบี้ยใกล้ระดับ 0% ต่อไปจนถึงกลางปี 2559 ความเห็นดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงแนวคิดจากเจ้าหน้าที่เฟดต่อแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ยังคงมีความขัดแย้งกัน
    

ประกอบนักลงทุนในตลาดทองคำเพิ่มความระมัดระวังในทิศทางสกุลเงินยูโรที่อาจจะอ่อนค่าลงได้อีก หลังจากมีการเปิดเผยตัวเลขอัตราเงินเฟ้อยูโรโซนประจำเดือนกันยายน ในวันพุธนี้ โดยผลสำรวจคาดว่า อัตราเงินเฟ้ออาจอยู่ที่ 0% แต่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ไม่รวมราคาพลังงานอาจอยู่ที่ 0.9%ในเดือนกันยายนเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน ถ้าหากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ในระดับต่ำหรือติดลบ ตัวเลขดังกล่าวจะกระตุ้นการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) อาจจะดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม หลังจากอีซีบีเริ่มดำเนินมาตรการเข้าซื้อสินทรัพย์ ขนาดสูงกว่า 1 ล้านล้านยูโรไปแล้วเป็นเวลา 6 เดือน ซึ่งจะกดดันให้สกุลเงินยูโรอ่อนตัวลงอาจจะฉุดให้ราคาทองคำอ่อนตัวลงตามอีกครั้ง ส่งผลให้ทองคำถูกขายทำกำไรออกมาเมื่อราคาปรับตัวสูงขึ้น
  

กลยุทธ์การลงทุน

ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า ราคาทองคำเคลื่อนไหวในลักษณะความผันผวนของราคาและการแกว่งตัวของราคาอาจลดลงจากช่วงที่ผ่านมา นักลงทุนสามารถลงทุนระยะสั้นโดยเข้าซื้อหากราคาย่อตัวไม่หลุดแนวรับบริเวณ 1,120 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยไม่แนะนำให้เข้าซื้อทั้งหมดบริเวณแนวรับใดแนวรับหนึ่ง ควรเหลือเงินทุนเพื่อซื้อเฉลี่ยหากราคาหลุดแนวรับแรกซึ่งราคาอาจจะปรับตัวลงไปบริเวณแนวรับถัดไป และให้ขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวขึ้นบริเวณแนวต้าน 1,142 หรือ 1,153 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากไม่สามารถผ่านไปได้อาจเห็นการย่อตัวของราคาทองคำอีกครั้ง เบื้องต้นวายแอลจียังมองว่าการลงทุนยังเน้นการลงทุนระยะสั้น เพราะแม้ว่าราคาทองคำจะดีดตัวขึ้นได้บ้าง ก็ยังคงมีแรงขายทองคำออกมาเช่นกัน ซึ่งนักลงทุนควรตั้งจุดตัดขาดทุนเพื่อควบคุมความเสี่ยง

ทองคำแท่ง (96.50%)
   แนวรับ        1,120 (19,290บาท)        1,110 (19,120บาท)           1,100 (18,950บาท)
   แนวต้าน      1,142 (19,680บาท)        1,153 (19,870บาท)           1,160 (19,990บาท)

GOLD FUTURES (GFV15)
   แนวรับ        1,120 (19,440บาท)        1,110 (19,270บาท)           1,100 (19,100บาท)
   แนวต้าน      1,142 (19,830บาท)        1,153 (20,020บาท)           1,160 (20,140บาท)