ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปิดตลาดเมื่อคืนนี้ (1 ต.ค. 58) ดัชนีดาวโจนส์ ร่วง 12.69 จุด ปิดที่ 16,272.01 จุด หรือ -0.08%, ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,627.08 จุด เพิ่มขึ้น 6.92 จุด หรือ +0.15% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,923.82 จุด เพิ่มขึ้น 3.79 จุด หรือ +0.20%
โดยภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างซบเซา หลังข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐออกมาไร้ทิศทาง จากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้ว เพิ่มขึ้น 10,000 ราย สู่ระดับ 277,000 ราย แต่ตัวเลขดังกล่าวยังคงต่ำกว่าระดับ 300,000 รายเป็นเวลามากกว่า 6 เดือนแล้ว ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่ง
ด้าน มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทสำรวจข้อมูลทางการเงินระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของสหรัฐอยู่ที่ระดับ 53.1 ในเดือนก.ย. จากระดับ 53.0 ในเดือนส.ค.ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 22 เดือน โดยภาคการผลิตได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของดอลลาร์, อุปสงค์ที่อ่อนแอในตลาดโลก, ภาวะตื่นตระหนกในตลาดการเงิน รวมทั้งการลดการลงทุนในภาคธุรกิจ
ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ ระบุว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างดีดตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 7 ปีในเดือนส.ค. และปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 9 ติดต่อกัน โดยพุ่งขึ้น 0.7% สู่ระดับ 1.09 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2008
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังนางคริสติน ลาการ์ด ผู้อำนวยการ IMF กล่าวว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มอ่อนแอลงในปีนี้ โดยระบุว่า เศรษฐกิจโลกยังคงเผชิญกับปัญหามากมาย ซึ่งรวมถึงวิกฤตผู้อพยพในยุโรป,การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ
ข่าวเด่น