คำแนะนำ
   

ยังต้องชะลอการเข้าซื้อหากราคาหลุด $1,097 ทั้งนี้ควรพิจารณาการแกว่งตัวของค่าเงินบาทและการเปิดเผยตัวเลขในตลาดแรงงานสหรัฐฯประกอบการตัดสินใจลงทุน

ทองคำ
  

แนวรับ 1,097 1,088 1,077
   

แนวต้าน 1,124 1,133 1,141

ปัจจัยพื้นฐาน
   

ราคาทองคาสปอตสหรัฐฯวานนี้อ่อนตัวลง 1.44 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เป็นการปรับตัวลง 5 วันทาการต่อเนื่อง หลังจากตลาดแรงงานสหรัฐฯยังสะท้อนความแข็งแกร่ง โดยตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานสหรัฐฯแม้จะออกมาเพิ่มขึ้น 10,000 ตาแหน่ง แต่ยังคงต่ากว่าระดับ 300,000 ตาแหน่งมา 6 เดือน จนทาให้คาดหมายว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมซึ่งกาลังจะถูกเปิดเผยในช่วงค่าวันนี้ตามเวลาในประเทศจะสร้างความมั่นใจในตลาดแรงงานอีกครั้ง ประเด็นดังกล่าวจะเชื่อมโยงไปถึงการประเมินระยะเวลาที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะตัดสินใจปรับขึ้นขึ้นอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ตามหากไม่เป็นไปตามคาดต้องระวังแรงซื้อกลับเข้ามาด้วย ดังนั้นนักลงทุนจึงควรรอการเปิดเผยตัวเลขดังกล่าวประกอบการตัดสินใจลงทุน

ปัจจัยเทคนิค
   

ราคาทองคำไยังคงอ่อนตัวลงต่อเนื่อง โดยไม่สามารถขึ้นยืนเหนือ 1,120 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ เบื้องต้นประเมินแนวรับที่ 1,097 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากหลุดลงมาจะแสดงภาพลบที่ชัดเจนยิ่งขึ้นเนื่องจากจุดต่าสุดที่ยกลง ทั้งนี้ประเมินแนวต้านไว้ที่ 1,124ดอลลาร์ต่อออนซ์

กลยุทธ์การลงทุน
   

การเข้าซื้อยังต้องชะลอออกไปก่อน โดยเฉพาะหากราคาหลุด 1,097 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สาหรับการเปิดสถานะขายอาจรอดูบริเวณ 1,124 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทั้งนี้อาจรอการเปิดเผยตัวในตลาดแรงงานประกอบการตัดสินใจลงทุน

ข่าวสารประกอบการลงทุน
   

(-)สหรัฐเผยการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างพุ่งสูงสุดกว่า 7 ปีในเดือนส.ค. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างดีดตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 7 ปีในเดือนส.ค. และปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 9 ติดต่อกัน โดยพุ่งขึ้น 0.7% สู่ระดับ 1.09 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2008 การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างที่พุ่งขึ้นในเดือนส.ค.ได้แรงหนุนจากการใช้จ่ายในภาคเอกชน และบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐได้ขยายตัวอย่างแข็งแกร่งขณะเริ่มต้นไตรมาส 3 นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนส.ค. การใช้จ่ายในโครงการก่อสร้างของภาคเอกชน พุ่งขึ้น 1.3% ในเดือนส.ค. แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.2008 ขณะที่การก่อสร้างที่ไม่ใช่ที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น 0.2% แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2008
    

(-)ราคาน้ามันดิบปิดลบหลังตลาดคลายวิตกพายุเฮอริเคน ราคาน้ามันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ร่วงลงในวันพฤหัสบดี หลังจากตลาดคลายความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบของพายุเฮอริเคนต่อแหล่งผลิตน้ามันบริเวณชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐ ทั้งนี้ สัญญาน้ามันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนพ.ย.ปิดร่วง 0.35 ดอลลาร์หรือ 0.8% สู่ระดับ 44.74 ดอลลาร์/บาร์เรลส่วนสัญญาน้ามันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย.ที่ตลาดลอนดอนปิดร่วงลง 0.68 ดอลลาร์หรือ 1.4% สู่ระดับ 47.69 ดอลลาร์/บาร์เรล
  

(+)ISM เผยภาคการผลิตสหรัฐขยายตัวต่าสุดรอบกว่า 2 ปีในเดือนก.ย. สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาคการผลิตของสหรัฐชะลอตัวมากที่สุดในรอบกว่า 2 ปีในเดือนก.ย. ผลการสารวจของ ISM พบว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต อยู่ที่ระดับ 50.2 ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับต่าสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2013 ลดลงจากระดับ 51.1 ในเดือนส.ค. โดยได้รับผลกระทบจากดอลลาร์ที่แข็งค่า และอุปสงค์ต่างประเทศที่ซบเซา อย่างไรก็ดี ค่าดัชนีที่สูงกว่า 50 บ่งชี้ว่า ภาคการผลิตยังคงมีการขยายตัว นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนีจะปรับตัวลงสู่ระดับ 50.8 ในเดือนก.ย.
    

(+)มาร์กิตเผยภาคการผลิตสหรัฐใกล้ระดับต่าสุดในรอบเกือบ 2 ปีในก.ย. มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทสารวจข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ภาคการผลิตของสหรัฐขยายตัวมากขึ้นเล็กน้อยในเดือนก.ย. แต่ยังใกล้ระดับต่าสุดในรอบเกือบ 2 ปี ภาคการผลิตได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของดอลลาร์, อุปสงค์ที่อ่อนแอในตลาดโลก, ภาวะตื่นตระหนกในตลาดการเงิน รวมทั้งการลดการลงทุนในภาคธุรกิจ มาร์กิตระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของสหรัฐอยู่ที่ระดับ 53.1 ในเดือนก.ย. จากระดับ 53.0 ในเดือนส.ค.ซึ่งเป็นระดับต่าสุดในรอบ 22 เดือน หรือต่าสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2013 นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนี PMI จะปรับตัวอยู่ที่ระดับ 53.0 ในเดือนก.ย. ทั้งนี้ ดัชนีที่อยู่เหนือระดับ 50 บ่งชี้ถึงการขยายตัว ขณะที่ต่ากว่าระดับ 50 บ่งชี้ถึงการหดตัว
    

(+/-)สหรัฐเผยผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานเพิ่มขึ้น 10,000 รายสัปดาห์ที่แล้ว กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จานวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้ว เพิ่มขึ้น 10,000 ราย สู่ระดับ 277,000 ราย ตัวเลขดังกล่าวยังคงต่ากว่าระดับ 300,000 รายเป็นเวลามากกว่า 6 เดือนแล้ว ซึ่งเป็นระยะเวลายาวนานที่สุดในรอบกว่า 40 ปี และเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่ง นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าจานวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกอยู่ที่ระดับ 271,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ส่วนจานวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกโดยเฉลี่ย 4 สัปดาห์ ซึ่งสามารถวัดแนวโน้มตลาดแรงงานได้ดีกว่าเพราะมีความผันผวนน้อยกว่าตัวเลขรายสัปดาห์นั้น ลดลง 1,000 ราย สู่ระดับ 270,750 ราย สาหรับจานวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องมีจานวนลดลง 53,000 ราย สู่ระดับ 2,191,000 ราย ในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 19 ก.ย.