กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ ได้ประกาศปรับลดประมาณการการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกปี 2015 จาก 3.3% เป็น 3.1% และปีหน้าจาก 3.8% เป็น 3.6% หลังภาวะราคาสินค้าโภคภัณฑ์ตกต่ำ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในตลาดเกิดใหม่ และประเทศผู้ส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลก
โดย นายมัวไรซ์ อ๊อบส์เฟลด์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ ไอเอ็มเอฟ ระบุว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกยังคงเป็นไปอย่างเชื่องช้า โดยในระยะสั้นการขยายตัวของเศรษฐกิจจะดำเนินไปในระดับปานกลางและมีความผันผวนพร้อมกับมีความเสี่ยงที่จะชะลอตัวมากขึ้นกว่าที่ประมาณการไว้ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งประเทศในตลาดเกิดใหม่ควรต้องเตรียมพร้อมที่จะรับมือ โดยเฉพาะการที่สหรัฐจะดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้นด้วยการปรับขึ้นดอกเบี้ย ขณะที่ประเทศที่พ้ัฒนาแล้วควรต้องเข้าไปช่วยแก้ปัญหาที่สืบเนื่องมาจากวิกฤตการเงินโลกที่ยังคงมีอยู่ที่ รวมถึงนานาประเทศควรพิจารณาลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยยังคงอยู่ระดับต่ำ
อย่างไรก็ตาม ไอเอ็มเอฟมองว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศที่พัฒนาแล้ว ทั้งสหรัฐอเมริกาและอังกฤษจะยังคงดำเนินต่อไป แม้เศรษฐกิจประเทศพัฒนาแล้วเหล่านั้นจะยังเผชิญแรงกดดันด้านเงินฝืดก็ตาม โดยไอเอ็มเอฟมีมุมมองเป็นบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐ ด้วยการปรับเพิ่มประมาณการการขยายตัวของเศรษฐกิจของสหรัฐในปีนี้จาก 2.5% เป็น 2.6% แต่ปรับลดประมาณการการขยายในปีหน้าลงจาก 3% เป็น 2.8%
ส่วนประเทศจีน ไอเอ็มเอฟยังคงประมาณการการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนที่ระดับเดิม 6.8% ในปีนี้ และ 6.3% ในปีหน้า เช่นเดียวกับเศรษฐกิจของยูโรโซนที่คงประมาณการไว้ที่ 1.5% ในปีนี้ และ 1.6% ในปีหน้า
ขณะที่ประเทศญี่ปุ่น ไอเอ็มเอฟได้ลดประมาณการขยายตัวของเศรษฐกิจลงมาอยู่ที่ 0.6% ในปีนี้ และ 1% ในปีหน้า
ทั้งนี้ ไอเอ็มเอฟระบุว่า ในการประชุมรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลาง G20 ที่กรุงลิม่า ประเทศเปรู ในสัปดาห์นี้ ไอเอ็มเอฟจะหยิบยกประเด็นข้อเรียกร้องให้ประเทศสมาชิกดำเนินนโยบายการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน และเตือนถึงความเสี่ยงจากการลดค่าเงินในหมู่ประเทศกำลังพัฒนา ภายหลังเฟดมีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย และความเสี่ยงจากการลดลงของราคาสินค้าโภคภัณฑ์
ข่าวเด่น