สภาวะตลาดวันที่ 07 ตุลาคม 2558 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,146.60-1,152.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 19,550 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวลดลง 50 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,600 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFV15 อยู่ที่ 19,630 บาท โดยราคาปรับตัวลดลง 50 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,680 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 16.53 น.ของวันที่ 07/10/15)
แนวโน้มวันที่ 08 ตุลาคม 2558
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐในเดือนสิงหาคมพุ่งขึ้น 15.6% สู่ระดับ 4.833 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นการพุ่งขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 5 เดือน ตัวเลขขาดดุลการค้าแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญความเสี่ยงจากการแข็งค่าของดอลลาร์และความอ่อนแอของเศรษฐกิจโลก จนส่งผลให้อุปสงค์ในตลาดต่างประเทศอ่อนแอลงและตัวเลขนี้ทำให้นักลงทุนตั้งข้อสงสัยว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2015 ได้จริงหรือไม่ จนกิดกระแสคาดการณ์ว่า เฟดจะเริ่มต้นปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมีนาคม 2016
ทั้งนี้ข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐสนับสนุนคาดการณ์ดังกล่าว ราคาทองคำจึงได้รับแรงหนุนดันขึ้นและสามารถทรงตัวใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ได้ ประกอบกับทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ได้รับแรงหนุนเพิ่มจาก กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลกลงโดยประเมินว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัวเพียง 3.1% ในปีนี้และ 3.6% ในปีหน้า โดยปรับลดคาดการณ์ลงเป็นครั้งที่ 2 ในปีนี้
อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำภายในประเทศปรับตัวขึ้นน้อยกว่าราคาทองคำต่างประเทศ เพราะถูกกดดันจากค่าเงินบาทต่อดอลลาร์แข็งค่าต่อเนื่อง โดยค่าเงินบาทมีทิศทางแข็งค่าไปในแนวเดียวกับภูมิภาค หลังจากเงินทุนที่ไหลกลับเข้าภูมิภาคเอเชีย หลังธนาคารกลางประเทศต่างๆ ยังคงผ่อนคลายนโยบายการเงินเพราะคาดว่า เฟด อาจชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
วายแอลจีแนะนำว่า นักลงทุนสามารถหาจังหวะซื้อเล่นสั้นเมื่อราคาย่อตัวลงไปและไม่หลุดบริเวณแนวรับ 1,140-1,142 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และปิดสถานะทำกำไรหากราคาทองคำได้ดีดตัวขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,156 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ไม่สามารถผ่านไปได้ ทำให้ราคาทองคำมีแนวโน้มจะอ่อนตัวลงทดสอบแนวรับอีกครั้ง แต่หากสามารถผ่านไปได้ ราคาทองคำจะมีโอกาสขึ้นทดสอบแนวต้านที่บริเวณ 1,168 ดอลลาร์ต่อออนซ์
กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีแนะนำให้นักลงทุนจับตาบริเวณ 1,140-1,142 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคาสามารถยืนได้จะเกิดแรงซื้อที่ดันราคาให้ดีดตัวขึ้นไป อย่างไรก็ตาม หากราคาไม่สามารถยืนเหนือแนวต้านบริเวณ 1,156 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้นักลงทุนที่สะสมทองคำไว้จำเป็นต้องใช้ความระมัดระวัง เนื่องจากเมื่อราคามีการปรับขึ้นยังคงมีแรงขายทำกำไรออกมาเช่นกัน ทั้งนี้ ระยะสั้นราคาทองคำยังมีแนวโน้มสร้างฐานราคา ซึ่งนักลงทุนยังคงต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไร ถ้าสามารถผ่านไปได้ให้นักลงทุนที่รับความเสี่ยงสูงได้แนะนำให้ถือต่อไป เพื่อไปขายทำกำไรที่แนวต้านโซน 1,168 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และหากราคาทองคำมีการปรับตัวลดลงมาไม่หลุดแนวรับบริเวณ 1,140-1,134 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำนักลงทุนสามารถซื้อเก็งกำไร โดยตัดขาดทุนหากราคาหลุดบริเวณ 1,123 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวต้าน 1,156 (19,640บาท) 1,168 (19,840บาท) 1,187 (20,170บาท)
แนวรับ 1,140 (19,360บาท) 1,134 (19,260บาท) 1,123 (19,070บาท)
GOLD FUTURES (GFV15)
แนวต้าน 1,156 (19,780บาท) 1,168 (19,980บาท) 1,187 (20,300บาท)
แนวรับ 1,140 (19,500บาท) 1,134 (19,400บาท) 1,123 (19,210บาท)
ข่าวเด่น