สภาวะตลาดวันที่ 12 ตุลาคม 2558 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,155.35-1,166.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 19,550 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 100 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,450 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFV15 อยู่ที่ 19,580 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 90 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,490 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 17.18 น.ของวันที่ 12/10/15)
แนวโน้มวันที่ 13 ตุลาคม 2558
ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวได้เป็นแรงกดดันต่อธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะยังไม่สามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ได้ จากการคาดการณ์ดังกล่าว กดดันให้ดัชนีดอลลาร์เคลื่อนตัวอยู่ใกล้จุดต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ ซึ่งการอ่อนค่าของดอลลาร์ช่วยหนุนราคาทองคำให้สามารถทรงตัวใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์ นักลงทุนมุ่งความสนใจไปที่เศรษฐกิจจีนในช่วงนี้ เพราะถ้าหากเศรษฐกิจจีนทรุดตัวลงอย่างรุนแรง เศรษฐกิจในอีกหลายประเทศก็อาจจะเข้าสู่ภาวะถดถอยเช่นกัน ซึ่งเฟดก็อาจจะไม่สามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ โดยผลสำรวจของรอยเตอร์พบว่า ข้อมูลของจีนในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้อาจจะบ่งชี้ถึงภาวะชะลอตัวลงของเศรษฐกิจจีน ซึ่งได้สร้างแรงซื้อเข้ามายังตลาดทองคำ ทั้งนี้ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ได้ขอให้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) และ ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ยังไม่คุมเข้มนโยบายการเงินในช่วงนี้ เพื่อจะได้รอดูสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจก่อน ขณะที่ธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) พึ่งประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยที่สถิติต่ำสุดที่ 0.5% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยราคาทองคำได้แรงหนุนเพิ่มจากรายงานของสภาทองคำโลก (WGC) บ่งชี้ว่า จีนและรัสเซียเป็นซื้อทองคำรายใหญ่ในเดือนสิงหาคม เนื่องจากธนาคารกลางของทั้ง 2 ประเทศต้องการกระจายทุนสำรองในรูปทองคำเพิ่มขึ้นเพื่อลดการถือครองดอลลาร์ลง ทั้งนี้ สภาทองคำโลก เปิดเผยว่าธนาคารกลางหลายแห่งได้ซื้อทองคำรวม 47 ตันไว้ในทุนสำรองของประเทศในเดือนสิงหาคม หลังจากที่มีการซื้อทองคำ 62 ตันในเดือนกรกฎาคม ซึ่งนักลงทุนในตลาดทองคำยังคงจับตาสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง ซึ่งส่งผลบวกต่อทิศทางราคาทองคำ แนะนำนักลงทุนว่าการรอจังหวะซื้อเมื่อว่าราคาทองคำจะไหลลงสู่แนวรับสำคัญและนักลงทุนควรปรับเปลี่ยนพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมกับสภาวะตลาดปัจจุบัน
กลยุทธ์การลงทุน วายแอลจีแนะนำนักลงทุนสามารถลงทุนระยะสั้นโดยเข้าซื้อหากราคาย่อตัวไม่หลุดแนวรับบริเวณ 1,142 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยไม่แนะนำให้เข้าซื้อทั้งหมดบริเวณแนวรับใดแนวรับหนึ่ง ควรเหลือเงินทุนเพื่อซื้อเฉลี่ยหากราคาหลุดแนวรับแรกซึ่งราคาจะปรับตัวลงไปบริเวณแนวรับถัดไป และให้ขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวขึ้นบริเวณแนวต้าน 1,168 หรือ 1,173 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากไม่สามารถผ่านไปได้อาจเห็นการย่อตัวของราคาทองคำอีกครั้ง เบื้องต้นวายแอลจียังมองว่าการลงทุนยังเน้นการลงทุนระยะสั้น เพราะแม้ว่าราคาทองคำจะดีดตัวขึ้นได้บ้าง ก็ยังคงมีแรงขายทองคำออกมาเช่นกัน
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,142 (19,090บาท) 1,138 (19,020บาท) 1,133 (18,930บาท)
แนวต้าน 1,168 (19,560บาท) 1,173 (19,620บาท) 1,180 (19,730บาท)
GOLD FUTURES (GFV15)
แนวรับ 1,142 (19,200บาท) 1,138 (19,130บาท) 1,133 (19,050บาท)
แนวต้าน 1,168 (19,630บาท) 1,173 (19,720บาท) 1,180 (19,840บาท)
ข่าวเด่น