ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน เนื่องจากตลาดยังคงกังวลต่อภาวะอุปทานล้นตลาด โดยก่อนหน้านี้ (13 ต.ค.) สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ได้คาดการณ์ว่าตลาดน้ำมันโลกจะยังคงประสบกับภาวะน้ำมันล้นตลาดจนถึงปีหน้า ในขณะที่การส่งออกน้ำมันดิบของอิหร่านที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น หลังจากที่อิหร่านบรรลุข้อตกลงเรื่องโครงการนิวเคลียร์กับชาติมหาอำนาจตะวัน (P5+1) เพื่อแลกกับยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรแล้วนั้น อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้อุปทานน้ำมันดิบส่วนเกินเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งข้อมูลดังกล่าวของ IEA สร้างความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานล้นตลาด หลังจากที่ตลาดถูกกดดันอยู่ก่อนแล้ว จากข้อมูลก่อนหน้านี้ที่ระบุว่าปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกในช่วงเดือน ก.ย.เพิ่มขึ้น 110,000 บาร์เรล สู่ระดับ 31.57 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 55
  

- สถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานของสหรัฐฯ (API) รายงานตัวเลขปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ รายสัปดาห์ สิ้นสุด ณ วันที่ 9 ต.ค. ปรับเพิ่มขึ้น 9.4 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2.8 ล้านบาร์เรล ส่งผลให้ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 465.96 ล้านบาร์เรล ในขณะที่ ปริมาณน้ำมันดิบคงคลัง ณ จุดส่งมอบ คุชชิ่ง โอกลาโฮมา ปรับเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล นอกจากนี้ ปริมาณน้ามันเบนซินคงคลังปรับลดลงกว่า 5 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ขณะที่น้ำมันดีเซลคงคลังปรับลดลง 2.7 ล้านบาร์เรล  อย่างไรก็ดี นักลงทุนยังคงจับตารายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังประจำสัปดาห์ของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (EIA) ที่จะเปิดเผยข้อมูลในวันนี้ว่าจะมีความสอดคล้องกับข้อมูลที่ API ระบุไว้หรือไม่
  

- สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของจีนในเดือน ก.ย. ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.6 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งชะลอลงจากอัตราการขยายตัวที่ร้อยละ 2.0 ในเดือน ส.ค. โดยดัชนี CPI ประจำเดือน ก.ย. ชะลอตัวลงเป็นครั้งแรกหลังจากที่ขยายตัวมากขึ้นเป็นเวลากว่า 3 เดือนติดต่อกัน ในขณะที่ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของจีน ซึ่งเป็นดัชนีบ่งชี้เงินเฟ้อระดับค้าส่งปรับลดลงร้อยละ 5.9 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากในเดือน ส.ค. ที่หดตัวลงร้อยละ 5.9  จากปีก่อนหน้า เช่นกัน  โดยเดือน ก.ย. นับเป็นเดือนที่ 43 ติดต่อกันแล้วที่ดัชนี PPI ของจีนมีการขยายตัวที่ติดลบ ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าธนาคารกลางจีนมีแนวโน้มที่จะผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศที่ชะลอตัวลง ภายหลังจากที่ได้มีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าวที่อ่อนตัวลง
  

+ EIA คาดการณ์อัตราการผลิตน้ำมันดิบจากชั้นหินดินดาน (Shale Oil) ของสหรัฐฯ ในเดือน พ.ย. จะชะลอตัวลงราว 93,000 บาร์เรล จากเดือน ต.ค. เป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกัน สู่ระดับ 5.12 ล้านบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากผู้ผลิตน้ำมันดิบจากชั้นหินดินดานในสหรัฐฯ บางส่วนชะลอการผลิตและขุดเจาะน้ำมันดิบจากภาวะราคาน้ำมันดิบที่ตกต่ำ

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากตลาดยังคงได้รับแรงหนุนจากอุปทานน้ำมันเบนซินที่ตึงตัวในช่วงปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นประจำไตรมาส 4 ในเอเชียและตะวันออกกลาง  ประกอบกับความต้องการซื้อจากอินเดียที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
  

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ โดยตลาดได้รับแรงกดดันจากอุปทานส่วนเกินที่ปรับเพิ่มขึ้นจากปริมาณการส่งออกน้ำมันดีเซลของจีนที่แตะระดับสูงสุดในรอบ 6 ปี อย่างไรก็ดี อุปสงค์จากเวียดนาม ประกอบกับการปิดซ่อมบำรุงของโรงกลั่นน้ำมัน ช่วยหนุนให้ราคาน้ำมันดีเซลให้ไม่ปรับลดลงไปมากนัก

ทิศทางราคาน้ำมันดิบ
  

ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสสัปดาห์นี้เคลื่อนไหวที่กรอบ 46-51 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 49-54 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ปัจจัยที่น่าจับตามอง
  

จับตารายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ที่มีการปรับตัวลดลงต่อเนื่องกว่า 6 สัปดาห์ติดต่อกัน มาอยู่ที่ระดับที่ต่ำสุดในรอบ 5 ปีนับตั้งแต่เดือน ส.ค. 53 หลังราคาน้ำมันดิบที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำไม่คุ้มค่าต่อการลงทุน ซึ่งผลของการปรับลดการขุดเจาะของผู้ผลิต ส่งผลให้ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ปรับลดลงต่อเนื่องมาอยู่ที่ประมาณ 9.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน และรายงานล่าสุดของสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) คาดว่าปริมาณการผลิตมีแนวโน้มปรับลดลงต่อเนื่องไปอยู่ที่ระดับ 8.9 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 59

สถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศซีเรีย อาจสร้างความขัดแย้งระหว่างกลุ่มประเทศมหาอำนาจชาติตะวันตกและรัสเซีย หลังจากรัสเซียยังคงเดินหน้ายกระดับการโจมตี โดยการเพิ่มการโจมตีทางด้านภาคพื้นดิน โดยมีการยิงขีปนาวุธพิสัยไกลกว่า 26 ลูกจากเรือรบ 4 ลำในทะเลแคสเปียน และยังคงมีแนวโน้มที่จะเดินหน้าโจมตีต่อ
  

จับตาข้อมูลการส่งออกของประเทศจีน หลังการส่งออกในช่วงที่ผ่านมามีการปรับลดลงอย่างต่อเนื่องตามภาคอุตสาหกรรมที่ชะลอตัวลง  แม้ว่าที่ผ่านมารัฐบาลจะมีความพยายามในการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายแต่เศรษฐกิจกิจก็ยังไม่ฟื้นตัว โดยล่าสุดรัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม อาทิเช่น การลดเงินดาวน์สำหรับการซื้อบ้านหลังแรกลงและการปรับลดภาษีรถยนต์สำหรับรถยนต์ขนาดเล็กที่มีขนาดเครื่องยนต์เล็กกว่า 1.6 ลิตร ซึ่งมีสัดส่วนกว่าร้อยละ 87
  

ท่าทีระหว่างรัสเซียและกลุ่มโอเปกว่าจะจะมีการปรับลดกำลังการผลิตหรือไม่ หลังล่าสุดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานของรัสเซียออกมาเปิดเผยว่า รัสเซียพร้อมที่จะเจรจากับผู้ผลิตกลุ่มโอเปกและผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปก โดยการประชุมระหว่างรัสเซียและซาอุดิอาระเบียคาดจะจัดขึ้นในช่วงปลายเดือนตุลาคมนี้