คำแนะนำ : เสี่ยงซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวลงมา ทั้งนี้ควรพิจารณาการแกว่งตัวของค่าเงินบาทประกอบการตัดสินใจลงทุน

ทองคำ
   แนวรับ 1,168 1,156 1,146
   แนวต้าน 1,190 1,205 1,220

ปัจจัยพื้นฐาน
   

ราคาทองคำสปอตสหรัฐฯวานนี้ปรับตัวลง 2.05 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เริ่มเผชิญแรงขายทากาไรหลังจากทาจุดสูงสุดในบริเวณ 1,190 ดอลลาร์ต่อออนซ์ทั้งสองวันที่ผ่านมา โดยเป็นการอ่อนตัวลงวันแรกของสัปดาห์ ซึ่งเกิดจากแรงกดดันจากเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ(ใช้ดัชนีดอลลาร์เป็นตัวแทน) เนื่องจากสหรัฐฯได้เปิดเผยจานวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานว่าได้ปรับตัวลงต่าสุดในรอบกว่า 40 ปี อยู่ในระดับ 255,000 ตาแหน่ง ขณะที่ปัจจุบันตลาดกาลังให้ความสนใจกับประเด็นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ดังนั้นตัวเลขดังกล่าวจึงเชื่อมโยงถึงสภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯที่อาจจะเริ่มดีขึ้น อย่างไรก็ตามเนื่องจากเข้าใกล้วันประชุมของเอฟโอเอมซี(ช่วงปลายเดือน) ประเด็นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯจะเข้าชี้นาตลาดทองคำ ดังนั้นจาเป็นต้องติดตามประเด็นนี้อย่างใกล้ชิด

ปัจจัยเทคนิค
   

ราคาทองคำเริ่มเผชิญแรงขายทากาไรออกมาบ้าง โดยทาจุดสูงสุดในบริเวณ 1,190 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เบื้องต้นหากราคาสามารถยืนเหนือ 1,168 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ มีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นอีก แต่อาจต้องใช้ระยะเวลา โดยประเมินกรอบในโซน 1,168-1,190 ดอลลาร์ต่อออนซ์

กลยุทธ์การลงทุน
  

เก็งกำไรตามกรอบราคา โดยจาเป็นต้องรอการอ่อนตัวลงมาค่อยเข้าซื้อ เนื่องจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าสร้างความเสี่ยงให้กับการซื้อในบริเวณด้านบน ขณะที่การเปิดสถานะขายอาจรอดูบริเวณ 1,190 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากผ่านไปไม่ได้อาจเสี่ยงเปิดสถานะขาย(ตัดขาดทุนหากราคาทะลุขึ้นไป)

ข่าวสารประกอบการลงทุน
  

(-)ดอลล์แข็งค่าหลังสหรัฐเผย CPI พื้นฐานเพิ่มขึ้นเกินคาด ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับตะกร้าเงินในวันพฤหัสบดี ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของสหรัฐเพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนก.ย. ซึ่งกระตุ้นการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พื้นฐานที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงานของสหรัฐเพิ่มขึ้นเกินคาด 0.2% ในเดือนก.ย.และเพิ่มขึ้น 1.9% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งใกล้เคียงกับเป้าหมายเงินเฟ้อของเฟดที่ระดับ 2% ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์บวก 0.5% สู่ 94.376 โดยฟื้นตัวขึ้นจากระดับต่าสุดในรอบ 7 สัปดาห์ที่ 93.806
   

(-)สหรัฐเผยจานวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกต่าสุดในรอบกว่า 40 ปี กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จานวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้ว ลดลง 7,000 ราย สู่ระดับ 255,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่าที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 1973 หรือต่าที่สุดในรอบกว่า 40 ปี ตัวเลขดังกล่าวต่ากว่าระดับ 300,000 รายเป็นเวลามากกว่า 6 เดือนแล้ว ซึ่งเป็นระยะเวลายาวนานที่สุดในรอบกว่า 40 ปี และเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่ง นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าจานวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกอยู่ที่ระดับ 270,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ส่วนจานวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกโดยเฉลี่ย 4 สัปดาห์ ซึ่งสามารถวัดแนวโน้มตลาดแรงงานได้ดีกว่าเพราะมีความผันผวนน้อยกว่าตัวเลขรายสัปดาห์นั้น ลดลง 2,250 ราย สู่ระดับ 265,000 ราย ซึ่งเป็นระดับที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.1973 สาหรับจานวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องมีจานวนลดลง 50,000 ราย สู่ระดับ 2,158,000 ราย ในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 3 ต.ค.
   

(+)เฟดฟิลาเดลเฟียเผยดัชนีกิจกรรมทางเศรษฐกิจติดลบเดือนที่ 2 ในต.ค. ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย เปิดเผยผลการสารวจภาวะธุรกิจประจาเดือนต.ค. โดยระบุว่า ดัชนี diffusion index สาหรับกิจกรรมทางเศรษฐกิจในปัจจุบันยังคงติดลบเป็นเดือนที่ 2 แม้ว่าขยับขึ้นสู่ระดับ -4.5 จาก -6.0 ในเดือนก.ย. ดัชนีย่อยด้านคาสั่งซื้อใหม่ และการขนส่งทรุดตัวลงในเดือนต.ค.ต่ากว่าระดับ 0% และเป็นการปรับตัวติดลบเป็นครั้งแรกของดัชนีคาสั่งซื้อใหม่นับตั้งแต่เดือนพ.ค.2013 นอกจากนี้ ดัชนี diffusion index สาหรับกิจกรรมทางเศรษฐกิจในอนาคตได้ลดลงสู่ระดับ 36.7 จาก 44.0 ในเดือนก.ย. โดยดัชนีย่อยด้านคาสั่งซื้อใหม่ และการขนส่งได้ปรับตัวลง ขณะที่ดัชนีการจ้างงานลดลงเช่นกัน
    

(+)เฟดนิวยอร์คเผยดัชนีภาวะธุรกิจหดตัวเป็นเดือนที่ 3 ในต.ค. ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ครายงานวันนี้ว่า ดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) อยู่ในภาวะหดตัวเป็นเดือนที่ 3 ในเดือนต.ค. ถึงแม้ดัชนีปรับตัวขึ้นสู่ระดับ -11.4 จาก -14.7 ในเดือนก.ย. ดัชนียังคงอยู่ในแดนลบในเดือนต.ค.เป็นเดือนที่ 5 ในรอบ 7 เดือน หลังจากทรุดตัวในเดือนส.ค. แตะระดับต่าสุดนับตั้งแต่ปี 2009 ดัชนีย่อยส่วนใหญ่อยู่ในภาวะหดตัว นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าดัชนีจะดีดตัวสู่ระดับ -8.0 ในเดือนต.ค.ดัชนีที่ต่ากว่า 0 บ่งชี้ถึงภาวะหดตัว หากสูงกว่า 0 บ่งชี้ถึงภาวะขยายตัว
    

(+)สหรัฐเผยดัชนี CPI ลดลง 0.2% ในเดือนก.ย. กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ลดลง 0.2% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน โดยได้รับผลกระทบจากการดิ่งลงของราคาน้ามัน เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI ทรงตัวในเดือนก.ย. หากไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ดัชนี CPI พื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบรายเดือน และ 1.9% เมื่อเทียบรายปี นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าดัชนี CPI จะลดลง 0.2% ในเดือนก.ย. และดัชนี CPI พื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.1%