ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
เมย์แบงก์ กิมเอ็ง แนะนักลงทุนถือพอร์ตรอขายทำกำไรรอบนี้บริเวณ 1,440 จุด +/-


ตลาดหุ้นวานนี้:
  

ตลาดหุ้นไทยวานนี้เปิดดีดตัวขึ้นอย่างโดดเด่น สอดคล้องกับตลาดอื่นๆ ในภูมิภาค อีกทั้งค่าเงินบาทแข็งค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ผลักดันให้ SET INDEX ทดสอบและทะลุ 1,420 จุด ทั้งนี้หุ้นหลักในกลุ่มธนาคาร / อสังหาฯ / วัสดุก่อสร้าง ขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX อยู่ที่ 1,425.32 จุด บวกทั้งสิ้น 20.24 จุด หรือ 1.44% มูลค่าการซื้อขาย 44,223 ล้านบาท

ทั้งนี้เงินทุนต่างชาติกลับมาหนาแน่นอีกครั้ง ด้วยการซื้อสุทธิตลาดหุ้นเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 918 ล้านบาท Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 2 มากถึง 11,067 สัญญา และซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้ 11,830 ล้านบาท ส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่า 10-12 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐฯ ระหว่างชั่วโมงการซื้อขายวานนี้

ปัจจัยสำคัญวันนี้

เงินทุนต่างชาติกลับมาหนาแน่นต่อการลงทุนในไทยอีกครั้ง
  

รองนายกฯ ดร.สมคิด ยืนยัน เดินหน้าปรับโครงสร้างเศรษฐกิจให้เกิดความสมดุลย์ ด้วยการผลักดันโครงการลงทุนขนาดใหญ่ และ เศรษฐกิจดิจิตอล เพื่อเป็นตัวเชื่อมโยงเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน

ปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า
  

ติดตามการประกาศงบ 3Q58 ของกลุ่มธนาคาร ซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันที่ 21 ต.ค. และจะตามมาด้วยกลุ่มที่ไม่ใช่ธนาคาร เราให้น้ำหนักกับหุ้นหลักในกลุ่มธนาคารเป็นสำคัญ
  

การประชุม ครม. วันอังคารที่ 20 ต.ค. คาดว่าจะมีการนำเสนอโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่ค้างการพิจารณามาเสนอ
  

ติดตาม GDP ใน 3Q58 ของจีน ประกาศวันที่ 19 ต.ค. ณ ปัจจุบัน Bloomberg consensus คาด 6.8% yoy ชะลอตัวจาก 2Q58 ที่ 7.0% yoy และการประชุม ECB ต่อมุมมองของภาวะเงินเฟ้อ และโอกาสของการเพิ่มวงเงินการเข้าซื้อสินทรัพย์ในอนาคต

มุมมองต่อตลาด
  

เราคงมุมมองการลงทุน “กลางถึงบวก” วันที่ 7 หลัง SET INDEX ปิดยืนเหนือ 1,420 จุดได้อย่างแข็งแกร่ง พร้อมกับมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่นวานนี้ เป็นการยืนยันภาพของ SET INDEX ในมุมมองของเราต่อการขยับขึ้นลักษณะ Sideways-to-Sideways-Up สู่ด่าน 1,440-1,450 จุด ผลักดันด้วยกลุ่มหลักที่เกี่ยวข้องเกาะไปกับนโยบายด้านเศรษฐกิจจากนี้ไปของ ทีมเศรษฐกิจ นำโดย รองนายกฯ ดร.สมคิด ที่กล่าวไว้ในงานสัมมนาวานนี้
  

ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจให้เกิดความสมดุลย์ระหว่างเศรษฐกิจภายในประเทศ และภาคการส่งออก เพื่อสร้างเข้มแข็งในระบบสังคม มุ่งเน้นพื้นที่ และประชาชนในพื้นที่เป็นที่ตั้ง
  

การยกระดับภาคการผลิตที่มุ่งสู่นวัตกรรม การเพิ่มมูลค่าเพิ่ม ในสินค้าและบริการ มากกว่า การมุ่งเน้นผลิตเชิงปริมาณที่จะเสียความสามารถเชิงการแข่งขันในตลาดโลกมากยิ่งขึ้น
  

การสร้างคลัสเตอร์ และซุปเปอร์คลัสเตอร์ เพื่อเป็น Product Champion นำไปสู่ S Curve ใหม่ของเศรษฐกิจ ด้วยการนำระบบเชื่อมโยงเศรษฐกิจระดับท้องถิ่น / คลัสเตอร์ / ประเทศเพื่อนบ้าน ผ่านการลงทุนภาคขนส่ง และเศรษฐกิจดิจิตอล
  

การเงิน การคลัง ที่จะเป็นตัวผลักดันและสนับสนุนแผนการลงทุน ยืนยันที่จะผลักดันให้เกิด PPP และกองทุน Infrastructure Fund จากนี้ไป
  

กรอบการทำงาน 4 ข้อจากนี้ไป จะเป็นการผลักดันให้เกิดเป็นรูปธรรมให้เร็วที่สุดจากนี้ไป ซึ่งแน่นอนว่า หากตีความกลับมายังภาพรวมเศรษฐกิจในปี 2559 เป็นต้นไป การลงทุนภาครัฐ และเอกชน จะร่วมกันผลักดันเศรษฐกิจ นำไปสู่การเรียกความเชื่อมั่น และการใช้จ่ายภาคการบริโภค ฟื้นตัวกลับมา เราเชื่อว่ากลุ่มหลักได้แก่ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง / กลุ่มวัสดุก่อสร้าง / กลุ่มธนาคาร จะยังเป็นกลุ่มหลักที่ได้ประโยชน์ในการผลักดันแผนงานจากนี้ไป จึงไม่น่าแปลกใจที่กลุ่มดังกล่าวมีความแข็งแกร่งกว่าภาพรวมของตลาดหุ้นไทยโดยรวม นอกเหนือไปจากกลุ่มอสังหาฯ และ กลุ่ม ICT ที่มีประเด็นเชิงบวกระยะสั้นรออยู่

กลยุทธ์การลงทุน
  

ดังนั้น เราแนะนำ “นักลงทุนถือพอร์ตรอขายทำกำไรรอบนี้บริเวณ 1,440 จุด +/- แต่หากหุ้นเป้าหมายกลับปรับฐานลงระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย กลายเป็นจังหวะของการเพิ่มน้ำหนักเก็งกำไรมากขึ้น”


Top Pick in 4Q15: BMCL / ITD/ TMB/ TPIPL
HOLD: ITD / TPIPL/ ADVANC/ WHA/ IFEC/ INTUCH/ KTB
Speculative Buy: ITD / TPIPL


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 16 ต.ค. 2558 เวลา : 11:34:41

22-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 22, 2024, 3:55 am