-/+ ราคาน้ำมันดิบเว็สต์เท็กซัสและเบรนท์ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 2% เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หลัง Baker Hughes รายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซในสหรัฐลดลงอีก 10 แท่น มาอยู่ที่ 595 แท่นในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 16 ต.ค. 58 ซึ่งถือว่าเป็นการลดลงอย่างต่อเนื่องติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 7 และเป็นระดับที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ เดือน ก.ค. 53 โดยนักวิเคราะห์จาก Tradition Energy กล่าวเพิ่มเติมว่า ข้อมูลดังกล่าวถือเป็นปัจจัยหลักที่สนับสนุนราคาน้ำมันดิบอยู่ในขณะนี้ เนื่องจากสามารถบ่งชี้ได้ว่า บริษัทผู้ผลิตน้ำมันในสหรัฐฯ กำลังเดินหน้าปรับลดค่าใช้จ่ายลงหลังเริ่มที่จะได้รับผลกระทบจากการที่ราคาน้ำมันอยู่ในระดับต่ำ อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าในสัปดาห์นี้ ราคาน้ำมันดิบจะยังคงเคลื่อนไหวอย่างผันผวน เนื่องจากในวันที่ 21 ต.ค.นี้ กลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันของโอเปกและนอกโอเปกจะมีการนัดประชุมทางด้านเทคนิคเพื่อหารือเกี่ยวกับความเป็นไปได้เกี่ยวกับการปรับลดกำลังการผลิต ซึ่งนักวิเคราะห์บางส่วนยังมีความหวังว่าในการประชุมครั้งนี้ ผู้ผลิตน้ำมันกลุ่มโอเปกและนอกโอเปกอาจจะมีนโยบายบางอย่างที่จะเข้ามาช่วยพยุงราคาน้ำมันดิบได้
+ ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังจากข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนปรับตัวดีขึ้นส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้นด้วย โดยดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 74.22 จุด หรือ 0.43% ปิดที่ 17,215.97 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 9.25 จุด หรือ 0.46% ปิดที่ 2,033.11 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 16.59 จุด หรือ 0.34% ปิดที่ 4,886.69 จุด โดยธนาคารกลางของสหรัฐฯ หรือ เฟด เปิดเผยตัวเลข การผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับตัวลง 0.2% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ตามที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยมิชิแกนยังได้เผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯ เบื้องต้นประจำเดือน ต.ค. ที่ปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับ 92.1 จากระดับ 87.2 ในเดือนก.ย. มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 89.5
-/+ แม้ว่าตลาดจะยังคงมีความกังวลต่อสภาวะเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง แต่ Stuart Gulliver ประธานบริหารบริษัท HSBC Holdings plc. ได้กล่าวในการประชุมที่ลอนดอนเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า ความวิตกกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีนได้ถูกให้ความสำคัญมากเกินไป และเขาคาดว่าเศรษฐกิจจีนจะไม่ทรุดตัวลงอย่างรุนแรง โดยเขาได้ระบุว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคของจีนยังคงแข็งแกร่ง และการใช้มาตรการผ่อนคลายในช่วงก่อนหน้านี้ได้เริ่มมีผลแล้ว นอกจากนี้ยังมีสัญญาณที่บ่งชี้ถึงการฟื้นตัวในตลาดอสังหาริมทรัพย์และการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่มีเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้เขายังคงคาดอีกว่าเศรษฐกิจจีนจะขยายตัวที่ระดับ 7% ในปีนี้
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับลดลงสวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากอุปสงค์น้ำมันเบนซินที่เริ่มปรับลดลงหลังเริ่มเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว และการที่จีนเพิ่มปริมาณการส่งออกในเดือนต.ค. จากการที่อุปสงค์ในประเทศอ่อนตัว อย่างไรก็ดี อุปทานในภูมิภาคยังคงตึงตัวหลังปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสหรัฐฯ ปรับลดลง
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งจากเวียดนาม และแอฟริกา รวมทั้งอุปทานที่ยังคงตึงตัวจากการที่โรงกลั่นน้ำมันในภูมิภาคเอเชียเหนือ สิงคโปร์ อินเดีย และตะวันออกกลางอยู่ในช่วงปิดซ่อมบำรุงประจำปี
ทิศทางราคาน้ำมันดิบ
ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสสัปดาห์หน้าเคลื่อนไหวที่กรอบ 45-50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 48-53 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
ตลาดน้ำมันดิบยังคงประสบกับภาวะอุปทานน้ำมันดิบล้นตลาด โดยสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ได้คาดการณ์ว่าตลาดน้ำมันโลกจะยังคงประสบกับภาวะน้ำมันล้นตลาดจนถึงปีหน้า ในขณะที่การส่งออกน้ำมันดิบของอิหร่านที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น หลังจากที่อิหร่านบรรลุข้อตกลงเรื่องโครงการนิวเคลียร์กับชาติมหาอำนาจตะวัน (P5+1) เพื่อแลกกับยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรแล้วนั้น อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้อุปทานน้ำมันดิบส่วนเกินเพิ่มขึ้นอีก
จับตาท่าทีของธนาคารกลางจีนว่าจะมีมาตรการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมหรือไม่ หลังจากที่มีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดยอดการนำเข้าของประเทศประจำเดือน ก.ย. เมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ปรับลดลงเกือบร้อยละ 18 ซึ่งการลดลงของยอดนำเข้าอย่างมีนัยสำคัญชี้ให้เห็นว่าเศรษฐกิจที่จีนซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 และผู้นำการซื้อขายสินค้าของโลก กำลังประสบกับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ในขณะเดียวกัน จีนยังได้รับผลกระทบจากการลดลงของความต้องการในตลาดสำคัญของโลก ซึ่งส่งผลให้การส่งออกในช่วงเดือน ก.ย. ที่ผ่านมาปรับลดลงร้อยละ 1.1
อัตราการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ มีแนวโน้มชะลอตัวลงต่อเนื่อง โดยล่าสุดสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) คาดการณ์อัตราการผลิตน้ำมันดิบจากชั้นหินดินดาน (Shale Oil) ของสหรัฐฯ ในเดือน พ.ย. จะชะลอตัวลงราว 93,000 บาร์เรล จากเดือน ต.ค. เป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกัน สู่ระดับ 5.12 ล้านบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากผู้ผลิตน้ำมันดิบจากชั้นหินดินดานในสหรัฐฯ บางส่วนชะลอการผลิตและขุดเจาะน้ำมันดิบจากภาวะราคาน้ำมันดิบที่ตกต่ำ
ตลาดคลายความกังวลเรื่องประเด็นการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) โดยรายงานการประชุมของ Fed ประจำวันที่ 16-17 ก.ย. บ่งชี้ว่า Fed อาจจะชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปก่อน โดยระบุว่ากรรมการหลายคนของธนาคารกลางสหรัฐฯ มีความเห็นว่า สถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการเงินทั่วโลกในช่วงที่ผ่านมานั้น กดดันให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจเผชิญกับความเสี่ยงช่วงขาลง
ติดตามสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศซีเรีย หลังจากรัสเซียปฏิบัติการโจมตีทางอากาศต่อฐานที่มั่นของกลุ่มรัฐอิสลาม (IS) ในซีเรียอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่เครื่องบินกองทัพสหรัฐฯ ได้ส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ให้กองกำลังกลุ่มต่อต้านรัฐบาลซีเรียเพื่อใช้รบขับไล่กลุ่ม IS
ข่าวเด่น