ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
ไทยออยล์วิเคราะห์ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้น หลังเฟดมีแนวโน้มประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ธ.ค.


+ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์และเวสต์เท็กซัสปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันที่ 27-28 ต.ค. มีการประกาศคงอัตราดอกเบี้ยในช่วง 0-0.25% ต่อไป และเตรียมพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งหน้า ที่จะมีขึ้นในวันที่ 15-16 ธ.ค. ซึ่งเป็นการประชุมครั้งสุดท้ายในปีนี้
  

+ เศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มปรับตัวดีขึ้นขานรับผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่ส่งสัญญาณว่าจะพิจารณาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. โดยดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น 198.09 จุด ไปอยู่ที่ระดับ 17,779.52 จุด
  

+ ตลาดยังได้รับแรงสนับสนุนหลังตัวเลขปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 5 สัปดาห์เริ่มมีทิศทางชะลอตัว โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ รายสัปดาห์ สิ้นสุด ณ วันที่ 23 ต.ค. ปรับเพิ่มขึ้น 3.4 ล้านบาร์เรล ไปอยู่ที่ระดับ 479.96 ล้านบาร์เรล ซึ่งสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ แต่น้อยกว่าที่สถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานสหรัฐฯ (API) รายงานเมื่อวานนี้ว่าปรับเพิ่มขึ้น 4.1 ล้านบาร์เรล ทางด้านปริมาณน้ำมันดิบคงคลัง ณ จุดส่งมอบ คุชชิ่ง โอกลาโฮมา ปรับลดลง 785,000 บาร์เรล นอกจากนี้ ปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสหรัฐฯ ปรับลดลง 1.1 ล้านบาร์เรล และปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังปรับลดลง 3 ล้านบาร์เรล ซึ่งลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 1.2% สู่ระดับ 87.6%
  

+ นอกจากนี้ ตัวแทนจาก IMF ได้ตั้งข้อสังเกตว่า เศรษฐกิจจีนอาจมีการขยายตัวมากกว่าที่ IMF คาดการณ์ไว้ โดยการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนที่ระดับ 6.9% ในไตรมาส 3/58 เป็นสัญญาณที่ดีว่าจีนจะสามารถขยายตัวได้สูงกว่าที่ระดับ 6.8% ซึ่งเป็นระดับที่ IMF ได้คาดการณ์ไว้ โดยในปีนี้  GDP จีนมีแนวโน้มที่จะเติบโตใกล้เคียงระดับ 7%

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากได้รับแรงสนับสนุนจากอุปทานที่ลดลงในช่วงนี้ นอกจากนี้ ปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังในประเทศญี่ปุ่นปรับตัวลดลง 0.23% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า ไปอยู่ที่ระดับ 10.36 ล้านบาร์เรลเป็นอีกปัจจัยที่หนุนตลาด
  

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับปัจจัยหนุนจากอุปทานที่ปรับตัวลดลง นอกจากนี้ อุปสงค์จากแอฟริกาใต้ยังช่วยให้ราคาปรับตัวดีขึ้น อย่างไรก็ดี ประเทศจีนยังคงมีการส่งออกน้ำมันดีเซลต่อเนื่อง โดยในเดือน ก.ย. ตัวเลขการส่งออกน้ำมันดีเซลอยู่ที่ระดับ 1.11 ล้านตัน และคาดว่าตัวเลขการส่งออกจะอยู่ในระดับสูงเช่นนี้จนกระทั่งสิ้นปี เนื่องจากอุปสงค์ในประเทศจีนชะลอตัวลง

ทิศทางราคาน้ำมันดิบ

  

ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสสัปดาห์นี้เคลื่อนไหวที่กรอบ 43-48 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 46-51 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ปัจจัยที่น่าจับตามอง
  

ทิศทางเศรษฐกิจจีนยังคงมีความไม่แน่นอน แม้รัฐบาลจีนประกาศปรับลดดอกเบี้ยครั้งใหม่เพื่อหวังกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ แต่ภาพรวมเศรษฐกิจหลายด้านยังคงเปราะบาง ซึ่งหลายฝ่ายยังคงกังวลว่าการเติบโตในอัตราที่ชะลอตัวลงของ GDP จีนซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกจะยังคงส่งผลต่อความต้องการใช้น้ำมันที่อาจชะลอตัวลงตาม
  

อุปทานน้ำมันดิบยังคงล้นตลาดต่อเนื่อง แม้ล่าสุดกลุ่มโอเปกและตัวแทนจากประเทศนอกกลุ่ม ได้จัดการประชุมเมื่อวันที่ 21 ต.ค. ที่ผ่านมาเพื่อหารือเรื่องภาวะราคาน้ำมันที่ตกต่ำ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีแนวโน้มว่ากลุ่มผู้ผลิตน้ำมันดิบจะมีมติอย่างเป็นเอกฉันท์ในการปรับลดกำลังการผลิตเพื่อพยุงราคาน้ำมัน
  

อัตราการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ จะมีแนวโน้มชะลอตัวลงต่อเนื่องหรือไม่หลังตัวเลขหลุมขุดเจาะเริ่มคงตัว อย่างไรก็ดี สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) ยังคงรายงานปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ (ณ วันที่ 16 ต.ค.) เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 9.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งชะลอตัวลงจากระดับสูงสุดที่ 9.6 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือน มิ.ย. หลังผู้ผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ บางส่วนชะลอการผลิตลง

 


บันทึกโดย : วันที่ : 29 ต.ค. 2558 เวลา : 10:06:41

22-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 22, 2024, 3:51 am