ตลาดหุ้นโลกปิดเมื่อคืนนี้ (16 พ.ย.58) ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นสหรัฐ ปิดที่ 17,483.01 จุด พุ่งขึ้น 237.77 จุด หรือ +1.38% , ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,984.62 จุด เพิ่มขึ้น 56.74 จุด หรือ +1.15% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,053.19 จุด เพิ่มขึ้น 30.15 จุด หรือ +1.49%
ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.3% ปิดที่ 370.64 จุด,ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมัน ปิดที่ระดับ 10,713.23 จุด เพิ่มขึ้น 4.83 จุด หรือ +0.05% , ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอน ปิดที่ 6,146.38 จุด เพิ่มขึ้น 28.10 จุด หรือ +0.46% และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศส ปิดที่ 4,804.31 จุด ลดลง 3.64 จุด หรือ -0.08%
โดยตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดตลาดอยู่ในแดนลบจากแรงกดดันเหตุการณ์โจมตีกรุงปารีสซึ่งคร่าชีวิตประชาชนจำนวนมาก และจากความวิตกกังวลที่กลุ่มกองกำลังรัฐอิสลาม (IS) ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอเตือนประเทศที่เข้าร่วมปฏิบัติการโจมตีฐานที่มั่นของกลุ่ม IS ในซีเรียว่า ประเทศเหล่านี้จะต้องประสบชะตากรรมเดียวกับฝรั่งเศส ทำให้หุ้นกลุ่มสายการบินและหุ้นกลุ่มธุรกิจเดินทางทางเรือปรับตัวลดลง เนื่องจากกังวลเหตุวินาศกรรมในปารีสอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจยุโรป โดยหุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ ร่วงลง 1.43% หุ้นยูไนเต็ด คอนติเนนตัล ดิ่งลง 1.22% และหุ้นเดลตา แอร์ไลน ร่วงลง 2.16% ส่วนหุ้นในกลุ่มธุรกิจทางเรือนั้น หุ้นคาร์นิวัล ร่วงลง 1.53% และหุ้นเอ็กซ์พีเดีย ปรับตัวลง 2.13%
แต่ช่วงใกล้ท้ายๆ การซื้อขายของวัน ตลาดสามารถปรับตัวขึ้นมาอยู่ในแดนบวกได้อย่างแข็งแกร่งขึ้น เนื่องจากนักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกว่า เหตุก่อการร้ายในกรุงปารีสจะไม่ส่งผลกระทบในระยะยาวต่อเศรษฐกิจสหรัฐและผลประกอบการของภาคเอกชน
ส่วนตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไร หลังจากตลาดเปิดร่วงลงเมื่อวานนี้ อันเป็นผลมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับเหตุวินาศกรรมในกรุงปารีสเช่นกัน
โดยสถานการณ์ล่าสุดในฝรั่งเศส นายฟรองซัวร์ ออลลองด์ ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ออกแถลงการณ์ต่อชาวฝรั่งเศสเมื่อวานนี้ว่า ฝรั่งเศสจะขยายเวลาการประกาศใช้ภาวะฉุกเฉินออกไปเป็น 3 เดือนนับตั้งแต่วันพุธนี้ และจะมีการเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกกว่า 5,000 อัตราในช่วงเวลา 2 ปี นอกจากนี้ เขาจะจัดการประชุมร่วมกับประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐ และประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซียภายในเวลาอีกไม่กี่วันข้างหน้า เนื่องจากหตุโจมตีกรุงปารีสเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว มีการวางแผนในซีเรีย และรวมตัวกันในเบลเยียม และเหตุวินาศกรรมดังกล่าวส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจาก 19 ชาติ
อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับปัจจัยบวกจากกระแสข่าว "วอร์เรน บัฟเฟตต์" มหาเศรษฐีนักลงทุนชื่อดัง ไม่ได้เทขายหุ้นหลังเกิดเหตุวินาศกรรมในกรุงปารีส
ข่าวเด่น