ตลาดหุ้นสหรัฐปิดตลาดเมื่อคืนนี้ (17 พ.ย.58) ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 17,489.50 จุด เพิ่มขึ้น 6.49 จุด หรือ +0.04%, ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,986.02 จุด เพิ่มขึ้น 1.40 จุด หรือ +0.03% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,050.44 จุด ลดลง 2.75 จุด หรือ -0.13%
  
ส่วนตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 2.49% ปิดที่ 379.88 จุด ,ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศส ปิดที่ 4,937.31 จุด เพิ่มขึ้น 133.00 จุด หรือ +2.77% ,ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมัน ปิดที่ 10,971.04 จุด เพิ่มขึ้น 257.81 จุด หรือ +2.41% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอน ปิดที่ 6,268.76 จุด เพิ่มขึ้น 122.38 จุด หรือ +1.99%

ตลาดหุ้นสหรัฐได้รับป้ัจจัยบวกจากผลประกอบการที่สดใสของบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ โดย หุ้นวอล-มาร์ท สโตร์ พุ่งขึ้น 3.54% และหุ้นโฮม ดีโปท์ พุ่งขึ้น 4.42%

อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน โดยหุ้นเรนจ์ รีซอส คอร์ป ร่วงลงกว่า 4.6% หุ้นเซาท์เวสเทิร์น เอนเนอร์จี และหุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ต่างก็ปรับตัวลงกว่า 4.5% รวมถึงหุ้นโคบอท์ ออยล์ ดิ่งลง 6.9% ทำให้ดาวโจนส์ขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดตลาดร่วงไปอยู่ในแดนลบ

สำหรับตลาดหุ้นยุโรปได้รับปัจจัยบวกจากการเข้าซื้ออย่างคึกคักในหุ้นกลุ่มพลังงาน โดยหุ้นโททาล และหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ พุ่งขึ้น 3.4% หุ้นเคเบิล แอนด์ ไวร์เลส คอมมูนิเคชันส์ พุ่งขึ้น 5.4%

นอกจากนี้ ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจยุโรป (ZEW) ระบุ ดัชนีความเชื่อมั่นของนักลงทุนและนักวิเคราะห์ในเยอรมนีที่มีต่อสภาพเศรษฐกิจของประเทศ พุ่งขึ้นแตะ 10.4 จุดในเดือนพ.ย.จากระดับ 1.9 จุดในเดือนต.ค. โดยได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ภายในประเทศที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ดี เหตุวินาศกรรมที่กรุงปารีสยังไม่ได้ส่งผลกระทบมากนักต่อการสำรวจในเดือนนี้