+/- ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย หลังจากราคาปรับลดลงเกือบต่ำสุดในรอบสามเดือน เนื่องจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด โดยในช่วงระหว่างการซื้อขายราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสแตะระดับต่ำสุดที่ 39.91 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ซึ่งนับเป็นครั้งที่สองที่ราคาน้ำมันดิบปรับลดลงต่ำกว่า 40 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับเพิ่มขึ้นเช่นกัน อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันดิบยังคงได้รับแรงกดดันจากความกังวลด้านอุปทานส่วนเกิน
+ สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ รายสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 13 พ.ย. 58 ปรับเพิ่มขึ้นเพียง 0.25 ล้านบาร์เรล ซึ่งน้อยกว่าที่รอยเตอร์คาดว่าปริมาณน้ำมันดิบคงคลังจะปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 2 ล้านบาร์เรล ส่งผลให้นักลงทุนบางส่วนซื้อสัญญาน้ำมันดิบ เพื่อปิดสถานะการขาย เนื่องจากคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบอาจปรับเพิ่มขึ้น
- อย่างไรก็ดี ตลาดน้ำมันดิบยังคงได้รับแรงกดดันจากความกังวลด้านอุปทานส่วนเกิน เนื่องจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ปรับเพิ่มต่อเนื่องนานแปดสัปดาห์ ทำให้ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสูงถึง 487.3 ล้านบาร์เรล ซึ่งใกล้เคียงกับระดับสูงสุดในเดือนเม.ย. 58 ที่ 490.9 ล้านบาร์เรล ในขณะที่ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ณ จุดส่งมอบน้ำมันดิบคุชชิ่ง โอกลาโฮมา ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.5 ล้านบาร์เรล ซึ่งนับเป็นการปรับเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่สอง ทั้งนี้คาดว่า EIA จะยังไม่ระบายปริมาณน้ำมันดิบคงคลังออกมา เนื่องจากจะทำให้อุปทานน้ำมันดิบในตลาดเพิ่มมากขึ้น
- นอกจากนี้ ปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังปรับเพิ่มขึ้น 1.0 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่รอยเตอร์คาดว่าจะปรับลดลง 0.4 ล้านบาร์เรล ส่วนปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังปรับลดลง 0.8 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่คาดการณ์ที่จะลดลง 0.5 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ดี ระดับปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังยังอยู่ในระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 53
- ปริมาณอุปทานน้ำมันดิบในประเทศแถบตะวันตกเฉียงหนือของยุโรปเพิ่มมากขึ้น หลังเขตปกครองตนเองเคอร์ดิสถาน ซึ่งอยู่ทางเหนือของอิรัก เริ่มส่งน้ำมันดิบออกไปขายยังประเทศในแถบนี้ โดยเรือขนส่งน้ำมันดิบอย่างน้อยสามลำที่ประเทศโปแลนด์และ ลิทัวเนีย ในระหว่างเดือน ต.ค.และ พ.ย. ซึ่งทำให้การแข่งขันการขายน้ำมันระหว่างกลุ่มโอเปกและรัสเซียมีความเข้มข้นมากขึ้น โดยก่อนหน้าซาอุฯ ได้ส่งออกน้ำมันดิบไปยังโปแลนด์และสวีเดน
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับเพิ่มขึ้นสวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากอุปสงค์ในตลาดจรจากอินโดนีเซีย และมาเลเซีย ประกอบกับปริมาณการผลิตจากจีนที่ลดลง หลังโรงกลั่นแห่งหนึ่งหยุดซ่อมบำรุง อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันเบนซินได้รับแรงกดดันจากอุปทานที่อาจปรับเพิ่มขึ้น หลังโรงกลั่นในเกาหลีกลับมาดำเนินการ และปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังในญี่ปุ่นที่ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.8 นอกจากนี้อุปสงค์ในยุโรปยังคงอ่อนตัว
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งจากเวียดนาม ศรีลังกา และออสเตรเลีย ประกอบกับอุปทานที่ลดลง เนื่องจากการปิดซ่อมบำรุงของโรงกลั่น อย่าไรก็ดี ราคาน้ำมันดีเซลยังไม่สามารถปรับเพิ่มขึ้นได้ หลังการขายน้ำมันดีเซลจากเอเชียไปภูมิภาคตะวันออกกลางและยุโรปยังไม่เอื้ออำนวย นอกจากนี้ปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังในญี่ปุ่นปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.3
ทิศทางราคาน้ำมันดิบ
ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสสัปดาห์นี้เคลื่อนไหวที่กรอบ 40-45 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 43-48 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
ผู้ผลิตในกลุ่มโอเปกยังคงปริมาณการผลิตในระดับสูงเพื่อรักษาส่วนแบ่งการตลาดและเพิ่มการส่งออกไปยังประเทศในกลุ่มตะวันตกมากขึ้นหลังจากที่มีการสูญเสียส่วนแบ่งการตลาดในเอเชียให้กับรัสเซีย โดยปัจจัยดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าผู้ผลิตในกลุ่มโอเปกยังต้องการรักษาส่วนแบ่งการตลาดและไม่มีทีท่าจะปรับลดการผลิตลงแต่อย่างใด สะท้อนให้เห็นว่าภาวะอุปทานน้ำมันดิบส่วนเกินจะยังคงไม่คลี่คลายในเร็วนี้
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ยังคงมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง โดยล่าสุดแข็งค่าขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) มีการส่งสัญญาณว่าจะมีการพิจารณาการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมเดือน ธ.ค. นี้ เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีการฟื้นตัวมากขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดแรงงาน ซึ่งล่าสุดอัตราการว่างงานลดลงแตะระดับร้อยละ 5.5
จับตาปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะยังคงเพิ่มขึ้นต่อ หลังมีการปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องมาแล้วเป็นเวลากว่า 7 สัปดาห์ติดต่อกัน สาเหตุเนื่องจากโรงกลั่นน้ำมันดิบมีการปิดซ่อมบำรุงและปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังส่วนต่างราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและราคาน้ำมันดิบเบรนท์ที่แคบลง ทำให้มีการหันไปนำเข้าน้ำมันดิบจากต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น ซึ่งผลของสต๊อกน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องส่งผลกดดันต่อราคาน้ำมันดิบให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างจำกัด
ข่าวเด่น