ตลาดหุ้นโลกปิดเมื่ีอคืนนี้ (24 พ.ย.) ตลาดหุ้นอเมริกาปรับตัวสูงขึ้นได้ แต่บวกแค่นิดหน่อย แต่ตลาดหุ้นยุโรปร่วงระนาว จากพิษตุรกียิงเครื่องบินรบรัสเซียตกในซีเรีย

โดยดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นอเมริกา ปิดที่ 17,812.19 จุด เพิ่มขึ้น 19.51 จุด หรือ +0.11% , ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,102.81 จุด เพิ่มขึ้น 0.33 จุด หรือ +0.01% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,089.14 จุด เพิ่มขึ้น 2.55 จุด หรือ +0.12%

ส่วนตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1.24% ปิดที่ 375.64 จุด , ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศส ปิดที่ 4,820.28 จุด ลดลง 68.84 จุด หรือ -1.41% , ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมัน ปิดที่ 10,933.99 จุด ลดลง 158.32 จุด หรือ -1.43% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอน ปิดที่ 6,277.23 จุด ลดลง 28.26 จุด หรือ -0.45%
 

ตลาดหุ้นโลกเปิดทำการซื้อขายเมื่อวาน(24 พ.ย.) นักลงทุนหวาดวิตกสถานการณ์ตึงเครียดในตะวัันออกกลาง หลังเครื่องบินขับไล่ Su-24 ของรัสเซียถูกตุรกียิงตกลงใกล้ชายแดนซีเรียเมื่อวานนี้ เนื่องจากรัสเซียรุกล้ำน่านฟ้าของตุรกี ขณะที่ทางการซีเรียมองว่า การที่ตุรกียิงเครื่องบินรบของรัสเซียตก ถือเป็นการก่ออาชญากรรม
  

แต่ตลาดหุ้นอเมริกาสามารถดีดตัวขึ้นมายืนในแดนบวกได้ จากข่าวเครื่องบินรัสเซียถูกยิงตกนั้น ได้หนุนราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปรับตัวขึ้น และช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นด้วย โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 2% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จีทะยานขึ้น 5.5% และหุ้นมาราธอน ออยล์ คอร์ป พุ่งขึ้น 5.6% หุ้นไพโอเนียร์ เนเชอรัล รีซอส ดีดขึ้นกว่า 2.5% และหุ้นเมอร์ฟีย์ ออยล์ คอร์ปอเรชัน พุ่งขึ้น 3.7%
 

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยว่า จีดีพีไตรมาส 3 ปีนี้ ขยายตัว 2.1% เมื่อเทียบรายไตรมาส ซึ่งสูงกว่าตัวเลขประเมินก่อนหน้านี้ที่ระดับ 1.5% และสูงกว่าระดับ 0.6% ในไตรมาสแรก อันเป็นผลมาจากการทบทวนปรับเพิ่มตัวเลขสินค้าคงคลังในภาคเอกชน รวมทั้งการเพิ่มขึ้นของการลงทุนในภาคการก่อสร้าง
  

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆ ที่มีการเปิดเผยล่าสุดนั้น สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์ เปิดเผยผลสำรวจซึ่งระบุว่า ราคาบ้านในสหรัฐปรับตัวขึ้นในเดือนก.ย. เนื่องจากจากการที่ปริมาณบ้านที่เสนอขายในตลาดมีจำกัด ทำให้ผู้ซื้อต้องเสนอราคาเพิ่มขึ้น โดยดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐ เพิ่มขึ้น 4.9% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าระดับ 4.6% ในเดือนส.ค.
                
แต่สำหรับตลาดหุ้นยุโรป เจอพิษข่าวตุรกียิงเครื่องบินรบรัสเซียตกในซีเรียล้วนๆ โดยไม่มีข่าวดีมาช่วยหนุนตลาด ทำให้ทุกกระดานหุ้นตกรูด โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มสายการบินและกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวร่วงลงมาก จากความวิตกกังวลว่า สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางจะทวีความรุนแรงมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น หุ้น IAG ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของบริติช แอร์เวย์ และหุ้นอีซีเจ็ท ปรับตัวลดลง ไม่ต่างกับหุ้นกลุ่มโรงแรมและธุรกิจท่องเที่ยวที่ร่วงลงเช่นกัน โดยหุ้นอินเตอร์เนชันแนล โฮเทลส์ กรุ๊ป และหุ้นคาร์นิวัล ปรับตัวลงกว่า 1%
  

อย่างไรก็ตาม ยังมีแรงหนุนขึ้นมาไม่ให้ตกไปมากกว่านี้ จากสถาบัน Ifo ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจของเยอรมนี เปิดเผยว่า ผู้บริหารภาคธุรกิจของเยอรมนียังคงมีความเชื่อมั่นในเดือนพ.ย. แม้เกิดเหตุอื้อฉาวของการโกงการตรวจวัดค่ามลพิษของบริษัทโฟล์คสวาเกน, ภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และการโจมตีกรุงปารีสของกลุ่มรัฐอิสลาม (IS)