+ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ เนื่องจากสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่รุนแรงขึ้น หลังจากนายวลาดีมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีของรัสเซียได้ออกมาเปิดเผยว่า เครื่องบินรบของรัสเซียได้ถูกยิงตกโดยประเทศตุรกีลงที่ใกล้กับชายแดนประเทศซีเรียเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา จากเหตุการณ์นี้ทำให้เกิดความขัดแย้งที่รุนแรงสูงสุดระหว่างกลุ่มประเทศสมาชิกของ NATO และรัสเซียใน 50 ปีที่ผ่านมา ขณะที่ตุรกีออกมายืนยันว่าสาเหตุของการยิงเครื่องบินรบของรัสเซียตกนั้น เกิดจากการที่เครื่องบินรบของรัสเซียได้รุกเข้ามาในน่านฟ้าของประเทศตุรกี หลังจากที่มีการประกาศเตือนก่อนล่วงหน้าให้เปลี่ยนทิศทางการบิน
+ ราคาน้ำมันเบนซินปรับเพิ่มขึ้น 6% ซึ่งเป็นไปตามคาดการณ์ เนื่องจากมีปริมาณการใช้น้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้นระหว่างฤดูการท่องเที่ยวในช่วงวันหยุด Thanksgiving day ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน ประกอบกับปริมาณน้ำมันเบนซินที่ท่าเรือ New York ซึ่งเป็นจุดส่งมอบน้ำมันเบนซินมีปริมาณตึงตัว เหตุจากมีการนำเข้าน้ำมันเบนซินลดลงและการเลื่อนการกลับมาดำเนินการอีกครั้งของหน่วยผลิตน้ำมันเบนซินที่โรงกลั่นน้ำมัน Irving's St. Jonh ในเมือง New Brunswick ซึ่งมีกำลังการกลั่นที่ 70,000 บาร์เรลต่อวัน
- สถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานของสหรัฐฯ (API) รายงานตัวเลขปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ รายสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 20 พ.ย. 58 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.6 ล้านบาร์เรล มาสู่ระดับ 488.3 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับเพิ่มขึ้นเพียง 1.2 ล้านบาร์เรล ขณะที่ปริมาณน้ำมันดิบคลังสหรัฐฯ ณ จุดส่งมอบน้ำมันดิบคุชชิ่ง โอกลาโฮมาก็ปรับเพิ่มขึ้น 1.9 ล้านบาร์เรล ส่วนน้ำมันเบนซินคงคลังสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 900,000 บาร์เรล และน้ำมันดีเซลคงคลังปรับตัวลดลง 400,000 บาร์เรล
+ จีดีพี สหรัฐฯ ไตรมาส 3 มีการขยายตัว 2.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะมีการขยายตัวขึ้นเพียง 1.5% เนื่องจากมีการทบทวนปรับเพิ่มตัวเลขสินค้าคงคลังในภาคเอกชน รวมทั้งการเพิ่มขึ้นของการลงทุนในภาคการก่อสร้าง
- ตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภค สหรัฐฯ เดือน ต.ค. ปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับ 90.4 ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดตั้งแต่เดือน ก.ย. 57 ที่ผ่านมา โดยปรับลดลงจากเดือนหน้าที่ระดับ 97.6 และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับเพิ่มขึ้นมาสู่ระดับ 99.6
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับเพิ่มมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากอุปทานเริ่มตึงตัวหลังจากที่โรงกลั่นน้ำมันในสหรัฐฯ ปิดซ่อมบำรุง ขณะที่อุปสงค์ภาคในภูมิภาคโดยเฉพาะจากอินเดีย เวียดนามและอินโดนีเซียปรับตัวสูงขึ้น
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังจากโรงกลั่นน้ำมันในสิงคโปร์และมาเลเซียยังคงปิดซ่อมบำรุง ส่งผลให้อุปทานในภูมิภาคตึงตัว รวมไปถึงอุปทานที่มาจากทางด้านเอเซียเหนือมีไม่มากนัก ขณะที่อุปสงค์ในภูมิภาคยังคงอยู่ในระดับสูง
ทิศทางราคาน้ำมันดิบ
ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสสัปดาห์นี้เคลื่อนไหวที่กรอบ 40-45 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 43-48 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
ท่าทีของผู้นำโอเปกอย่างาอุดิอาระเบียจะเป็นไปในทิศทางใด หลังส่งสัญญาณจะรักษาระดับราคาน้ำมันดิบโลก อย่างไรก็ดี การผลิตจากกลุ่มโอเปกที่ยังคงอยู่ในระดับสูงสะท้อนให้เห็นว่าผู้ผลิตในกลุ่มโอเปกยังต้องการรักษาส่วนแบ่งการตลาดไว้เช่นเดิม ซึ่งอาจส่งผลให้ภาวะอุปทานน้ำมันดิบส่วนเกินจะยังคงไม่คลี่คลายในเร็วๆ นี้
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ยังคงมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง โดยล่าสุดแข็งค่าขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) มีการส่งสัญญาณว่าจะมีการพิจารณาการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมเดือน ธ.ค. นี้ เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีการฟื้นตัวมากขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดแรงงาน ซึ่งล่าสุดอัตราการว่างงานลดลงแตะระดับร้อยละ 5.5
จับตาปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะยังคงเพิ่มขึ้นต่อ หลังมีการปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องมาแล้วเป็นเวลากว่า 7 สัปดาห์ติดต่อกัน สาเหตุเนื่องจากโรงกลั่นน้ำมันดิบมีการปิดซ่อมบำรุงและปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังส่วนต่างราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและราคาน้ำมันดิบเบรนท์ที่แคบลง ทำให้มีการหันไปนำเข้าน้ำมันดิบจากต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น ซึ่งผลของสต๊อกน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องส่งผลกดดันต่อราคาน้ำมันดิบให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างจำกัด
ข่าวเด่น