+ ราคาน้ำมันดิบมีการปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากตัวเลขปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯมีการปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ รายสัปดาห์ สิ้นสุด ณ วันที่ 20 พ.ย. ปรับเพิ่มขึ้น 910,000 บาร์เรล ไปอยู่ที่ระดับ 488.3 ล้านบาร์เรล ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล และน้อยกว่าที่สถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานสหรัฐฯ (API) รายงานเมื่อวานนี้ว่าปรับเพิ่มขึ้น 2.6 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ดี ทางด้านปริมาณน้ำมันดิบคงคลัง ณ จุดส่งมอบ คุชชิ่ง โอกลาโฮมา ปรับเพิ่มขึ้น 1.8 ล้านบาร์เรล นอกจากนี้ ปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้น 2.5 ล้านบาร์เรล และปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังปรับเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
+ รวมไปถึง บริษัท Bager Hughes ได้รายงานตัวเลขหลุมขุดเจาะน้ำมันดิบปรับตัวลดลง 9 หลุมสิ้นสุดสัปดาห์วันที่ 25 พ.ย. 58 ซึ่งทำให้มีจำนวนหลุมขุดเจาะเหลือทั้งหมด 555 แห่งด้วยกัน
+ สถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางยังไม่คลี่คลาย หลังจากประเทศตุรกียิงเครื่องบินรบของรัสเซียเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งทำให้เกิดความขัดแย้งที่รุนแรงสูงสุดระหว่างกลุ่มประเทศสมาชิกของ NATO และรัสเซียใน 50 ปี ทั้งนี้นักลงทุนยังคงจับตามองสถานการณ์อย่างใกล้ชิดว่าจะเกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจเป็นวงกว้างหรือไม่
+/- นอกจากนี้ นักลงทุนส่วนหนึ่งได้กลับเข้ามาทำการปิดสัญญาขายก่อนตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะปิดในวันหยุด Thanksgiving ในวันพฤหัสนี้ ทำให้ราคาน้ำมันได้รับแรงหนุนจากการเข้ามาซื้ออีกครั้ง
+ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นในเดือน ต.ค. บ่งชี้ถึงอุปสงค์สำหรับสินค้าในภาคการผลิตโดยระบุว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้น 3% ในเดือน ต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.8%
+ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้ว ลดลง 12,000 ราย สู่ระดับ 260,000 ราย และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ที่ระดับ 270,000 ราย ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานยังคงมีความแข็งแกร่ง
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ ตามราคาที่แข็งแกร่งในตลาดล่วงหน้าของประเทศสหรัฐฯ เนื่องจากความต้องการใช้ในน้ำมันเบนซินสำหรับการเดินทางวันขอบคุณพระเจ้า และอุปทานที่ตึงตัวมากขึ้นหลังจากโรงกลั่นน้ำมันในสหรัฐฯ ต้องเลื่อนวันเปิดดำเนินการออกไป เนื่องจากปัญหาทางเทคนิค
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบดูไบ จากแรงหนุนของอุปทานที่ตึงตัวหลังโรงกลั่นน้ำมันในประเทศสิงคโปร์และมาเลเซียยังคงปิดซ่อมบำรุง และอุปสงค์ที่ยังคงแข็งแรงจากประเทศเวียดนามและอินโดนีเซีย
ทิศทางราคาน้ำมันดิบ
ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสสัปดาห์นี้เคลื่อนไหวที่กรอบ 40-45 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 43-48 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่่น่าจับตามอง
ท่าทีของผู้นำโอเปกอย่างซาอุดิอาระเบียจะเป็นไปในทิศทางใด หลังส่งสัญญาณจะรักษาระดับราคาน้ำมันดิบโลก อย่างไรก็ดี การผลิตจากกลุ่มโอเปกที่ยังคงอยู่ในระดับสูงสะท้อนให้เห็นว่าผู้ผลิตในกลุ่มโอเปกยังต้องการรักษาส่วนแบ่งการตลาดไว้เช่นเดิม ซึ่งอาจส่งผลให้ภาวะอุปทานน้ำมันดิบส่วนเกินจะยังคงไม่คลี่คลายในเร็วๆ นี้
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ยังคงมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง โดยล่าสุดแข็งค่าขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) มีการส่งสัญญาณว่าจะมีการพิจารณาการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมเดือน ธ.ค. นี้ เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีการฟื้นตัวมากขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดแรงงาน ซึ่งล่าสุดอัตราการว่างงานลดลงแตะระดับร้อยละ 5.5
จับตาปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะยังคงเพิ่มขึ้นต่อ หลังมีการปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องมาแล้วเป็นเวลากว่า 7 สัปดาห์ติดต่อกัน สาเหตุเนื่องจากโรงกลั่นน้ำมันดิบมีการปิดซ่อมบำรุงและปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังส่วนต่างราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและราคาน้ำมันดิบเบรนท์ที่แคบลง ทำให้มีการหันไปนำเข้าน้ำมันดิบจากต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น ซึ่งผลของสต๊อกน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องส่งผลกดดันต่อราคาน้ำมันดิบให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างจำกัด
ข่าวเด่น