ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้
แกว่งลง ปัจจัยภายนอกยังกดดัน
KGI คาด SET วันศุกร์แกว่งลง แต่ไม่แรง (วานนี้รีบาวด์ท้ายตลาด ตามคาด) จิตวิทยาภายนอกไม่ดีหลังหุ้นยุโรปและสหรัฐฯ ร่วงหนัก หลัง ECB ออกมาตรการกระตุ้นการเงินไม่มากเท่าที่ตลาดคาด i) ลดดอกเบี้ยเงินฝากที่แบงก์ยุโรปฝากกับ ECB อีก 0.1% (ตลาดคาดลด 0.15-0.20%) ii) ขยายเวลาการทำ QE อีก 6 เดือน (ตามตลาดคาด) iii) คงวงเงิน QE 6 หมื่นล้านยูโรต่อเดือน (ตลาดคาดจะเพิ่มเป็น 7-8 หมื่นล้าน) นอกจากนี้นักเศรษฐศาสตร์ KGI มองว่านโยบายที่ออกมาไม่สามารถกดเงินยูโรให้อ่อนได้ จึงไม่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและหนุนเงินเฟ้อมากนัก (อ่านเพิ่มใน Economic Monthly Tracker สองฉบับล่าสุด) ด้านฝั่งสหรัฐฯ ประธานเฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยในเดือนนี้ และตลาดกำลังติดตามตัวเลขภาคแรงงาน พ.ย. ที่จะออกในคืนนี้ เพื่อชี้ทิศดอกเบี้ยเฟด ภาพรวม SET ยังอ่อนกว่าที่เราคาด แต่เราคงมุมมองว่า SET จะมีเสถียรภาพมากขึ้นภายในกลางเดือนนี้ (หลังมีความชัดเจนเรื่องดอกเบี้ยสหรัฐฯ)
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน
ซื้อ ASEFA / หุ้นคาดหวังรีบาวด์ EPG, IFEC, CBG*
ASEFA (เป้าพื้นฐาน 7 บาท) 1) วานนี้ราคาฟื้นตัวที่แนวรับ 5.55 บาท ตามคาด แนะนำ “รอซื้อที่แนวรับ” 5.55 บาท ประเมินแนวต้านสั้น 6.1 บาท ผ่านได้ถัดไป 6.7 บาท 2) พื้นฐานยังคงเด่น คาดไตรมาส 4/58 กำไรยังดีต่อเนื่อง และจะเป็นขาขึ้นไปอีก 2 – 3 ปีเป็นอย่างน้อย ตามการลงทุนภาครัฐฯ (ASEFA รอส่งงานระบบรถไฟฟ้าสายสีเขียวและสีนำเงินมูลค่าราว >200 ล้านบาท) และการขยายตัวของธุรกิจโทรคมนาคม (4G, Datacenter) โดย ASEFA มีการขยายกำลังการผลิต +50% ไตรมาส 1/59 รองรับ Mega trend ของอุตสาหกรรมฯ 3) ในเชิง Valuation ประเมินกำไรโตเฉลี่ย 18% CAGR ตอนนี้ PEG 0.79 เท่า (ต่ำกว่า 1 คือ Valuation ถูก)
หุ้นลงหนัก พื้นฐานไม่เปลี่ยน (EPG, IFEC, CBG*) หุ้นที่ถูกแรงขายตามภาวะตลาดฯ ใน 1 – 2 วันที่ผ่านมา แต่พื้นฐานไม่เปลี่ยนและคาดแนวโน้มดีขึ้น
1) EPG (เป้า Consensus 13.5 บาท) 1) รูปแบบราคาฟื้นตัว เกิดรูปแบบ Bullish Reversal คาดหากวันนี้ยืนได้ไม่ต่ำกว่า 10.5 บาท มีโอกาสปรับขึ้นทดสอบแนวต้านแรกบริเวณ 11.2 บาท 2) ในเชิงพื้นฐานยังคงประเมินแนวโน้มกำไร 2H58/59 (ปิดงบเดือน มี.ค.) จะโตเด่น HoH จากอานิสงค์ราคาน้ำมันต่ำ
2) IFEC (เป้าพื้นฐานเบื้องต้น 14.6 บาท) 1) วานนี้ยังถูกแรงขายกดลงมาที่แนวรับ ±8 บาท แต่เริ่มฟื้นตัวกลับมาที่แนวรับสำคัญ ±8.3 บาทได้ คาดรูปแบบราคามีโอกาสกลับตัว แนะนำ “ซื้อ” 2) ในเชิงพื้นฐานดีขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้มี PPA ในมือแล้ว ±100MW (COD แล้ว ±30MW) และรอข่าวดีจากการประมูลพลังงานลมที่ออสเตรเลีย (106.5MW) ยื่นซองวันที่ 9 ธ.ค. + การเข้าซื้อพลังงานลมที่ออสเตรเลียเพิ่มเติมจากพันธมิตรทางธุรกิจ (Goldwind) ... วันที่ 2 ธ.ค. ผู้บริหารซื้อหุ้นเพิ่มอีกรวม 4.6 แสนหุ้น ที่ราคาเฉลี่ย 8.55 บาท รวมตั้งแต่วันที่ 16 พ.ย. – 2 ธ.ค. ผู้บริหารซื้อหุ้นรวม 5.1 ล้านหุ้น ราคาเฉลี่ย 9.09 บาท
3) CBG* (เป้าพื้นฐาน 48.5 บาท) 1) ราคาหุ้นถูกขายจนเข้าข่ายถูกขายมากเกินไป (RSI 20.9) 2) สำหรับนักเก็งกำไรสั้น ที่จะเข้าเก็งกำไรวันนี้กำหนดจุด Stop loss ที่ 32 บาท แนวต้าน ±34 บาท 3) ในเชิงพื้นฐานประเมิน Sentiment การบริโภคในประเทศน่าจะผ่านจุดต่ำสุดแล้ว ขณะที่ฐานส่งออกอีกกลุ่มคือกลุ่ม CLMV ยังมีแนวโน้มเติบโต … ถูกกดดันจากการที่ Consensus คาดการณ์ว่าอาจจะถูกถอดออกจาก SET50 แต่ไม่เกี่ยวกับพื้นฐานและราคาหุ้นปรับลงแรงสะท้อนไปแล้ว
… ประเด็นหุ้น CPALL* (กลต ปรับผู้บริหารใช้ข้อมูลอินไซต์) เราประเมินไม่กระทบปัจจัยพื้นฐาน แต่อาจกระทบต่อการประเมิน CG Rating โดย IOD อย่างไรก็ดีคาดผลกระทบไม่มากเพราะปัจจุบัน CPALL* มี CG Rating ต่ำกว่าเกณฑ์ “ดี” หรือ “3” อยู่แล้ว ราคาหุ้น Oversold หลุดกรอบ Bollinger Band แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” แนวรับ ±43 บาท แนวต้าน ±46 บาท (Stop loss 42.5 บาท)
… SMT (เป้าพื้นฐาน 13 บาท) 1) สำหรับนักลงทุนที่เข้าเก็งกำไรตามที่เราแนะนำ ราคาหุ้นวานนี้กลับมา Sideway ในกรอบ ±10 บาทได้ แนะนำ “ถือ / ซื้อเก็งกำไร” ประเมินแนวต้าน 10.6 บาท กำหนดจุด Stop loss 9.8 บาท 2) ฝ่ายวิจัยฯประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานปี 2559 จะพลิกกลับมามีกำไรได้ราว ±350 ล้านบาท (EPS 0.86 บาท/หุ้น) + การลงทุนโรงงานผลิตแผงโซลาร์เซลล์ใน 2H59 เป็น Upside risk
(+) กลุ่มรับเหมาฯ (CK*, STEC*, ITD*, UNIQ*) แนะนำ “สะสม” 1) คาดสัปดาห์หน้านำรถไฟฟ้าสายสีส้มเข้า ครม 2) E-Auction รถไฟทางคู่ (จิระ-ขอนแก่น มูลค่า ±2 หมื่นล้านบาท) วันที่ 8 ธ.ค. ในเชิงพื้นฐานเลือก CK* เป็นหุ้นเด่น (มีประเด็นบวกเรื่องการควบรวม BMCL* + BECL* ด้วย)
… TSR (เป้าพื้นฐาน 9.5 บาท) 1) คาดราคาหุ้นยังเป็นรูปแบบการ Sideway ประเมินแนวรับ ±8.0 บาท แนวต้าน ±9 บาท 2) ในเชิงพื้นฐานคาดกำไรไตรมาส 4/58 โตต่อเนื่อง QoQ จากไตรมาส 3/58 จากการขายผลิตภัณฑ์ใหม่เครื่องทำน้ำอุ่น 3) แจก Warrant TSR-W1 ฟรี 2:1 (2 หุ้น ต่อ 1 Warrant) กำหนด XW วันที่ 8 ธ.ค.58
… ASK (เป้าพื้นฐาน 28 บาท) 1) หากวันนี้ราคาหุ้นกลับไปยืนเหนือ 19.5 บาทได้ แนะนำ “ถือ” แต่ถ้าต่ำกว่า 19.5 บาท แนะนำ “Stop loss” 2) ฝ่ายวิจัยประเมินกำไรปีหน้าโต >20% YoY จาก i) การรีไฟแนนซ์เงินกู้ ดอกเบี้ยจ่ายลดลง ±50 ล้านบาท/ปี ii) สินเชื่อรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ (รถบรรทุก โตตามการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน / รถตู้ โตตามเศรษฐกิจในต่างจังหวัดและการค้าชายแดน 3) ปันผลสูงเฉลี่ย ±7% ต่อปี
… PLAT (เป้า Consensus 7.4 บาท) ราคาหุ้นปรับลงมาทดสอบที่แนวรับ 5.05 บาท และเริ่มฟื้นตัว แนะนำ “ถือ/ซื้อถัวเฉลี่ยต้นทุน” ในเชิงพื้นฐานการขยายการลงทุนมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท คาดจะเริ่มรับรู้รายได้อย่างมีนัยสำคัญในปี 2561 เป็นต้นไป Consensus คาดกำไรโต >30% CAGR ทำให้ PEG ตอนนี้ต่ำกว่า 1 เท่า (±0.7 เท่า)
หุ้นที่แนะนำก่อนหน้า
ถือต่อได้แนวโน้มยังดี: SCC*, KTB*, BANPU*, IFEC, TSR
Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
DRT แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 6.20 บาท เราปรับน้ำหนักการลงทุนขึ้นจากระดับเดิม “ถือ” เนื่องจากภาพรวมของธุรกิจส่งสัญญาณบวกชัดเจนและผลการดำเนินงานปี 2558-2559 มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง 21.0% และ 20.3% ตามลำดับ
ข่าวเด่นจากสถาบันวิจัยฯ
(0) รัฐบาลจัดประชุมเร่งด่วนกับผู้ประกอบการสายการบินวันนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี จะจัดประชุมเร่งด่วนกับสายการบิน 41 แห่ง เพื่อให้มั่นใจว่า ดำเนินการตามมาตรฐานการบินระหว่างประเทศ หลังการลดอันดับของ FAA (เดอะ เนชั่น) เรามองว่า การประชุมในวันนี้เป็นการเตรียมการรับมือล่วงหน้าสำหรับความเป็นไปได้ที่ EASA อาจมีการปรับลดอันดับมาตรฐานการบินของไทยในวันที่ 10 ธ.ค.58 ตามหลัง FAA ซึ่งถือเป็นกรณีเลวร้ายที่สุดในขณะนี้ เนื่องจากจะมีผลกระทบต่อสายการบินที่ไปยูโรป ซึ่งได้รับใบอนุญาตการบินจากกรมการบินพลเรือน ได้แก่ THAI โดยมีสัดส่วนรายได้ประมาณ 30% เมื่อเทียบกับรายได้รวม ขณะที่เรื่องดังกล่าวไม่กระทบต่อสายการบินต้นทุนต่ำ (low-cost airlines) ส่วนประเด็นความกังวลต่อจำนวนนักท่องเที่ยวยุโรปเข้ามาประเทศไทยมีผลกระทบต่ำ เนื่องจากมีสายการบินต่างประเทศเป็นทางเลือก ทั้งนี้ กระทรวงท่องเที่ยวยังมั่นใจว่า จำนวนนักท่องเที่ยวจะปรับตัวขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ระดับ 30 ล้านคน (เหนือคาดการณ์ 28.8 ล้านคนในปีนี้ โดยล่าสุดอยู่ที่ 27.11 ล้านคน) เรายังคงแนะนำซื้อหุ้น AOT* และ AAV* โดยมีราคาเป้าหมาย 345 และ 6.09 บาท ตามลำดับ
(+) TSE จับมือพันธมิตรทุ่ม 2 พันล้าน ผุดโซลาร์ฟาร์มในญี่ปุ่นเพิ่มอีก 17 MW (ข่าวหุ้น) “TSE” ร่วมมือกับพันธมิตร ทุ่มงบลงทุน 2,000 ล้านบาท ผุดโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มในญี่ปุ่นเพิ่มอีก 17 MW คาดเริ่ม COD ปี 60 ขณะที่ซุ่มเจรจาพันธมิตรทำโรงไฟฟ้าอีก 2-3 โครงการ กำลังผลิตรวม 100-200 MW ได้ข้อสรุปต้นปี 59
(+) ADVANC* ทุ่ม 1.45 หมื่นล้าน ลุยลงทุนโครงข่าย 4G (ข่าวหุ้น) ADVANC เตรียมทุ่มงบลงทุนเบื้องต้น 14,520 ล้านบาท เพื่อลงทุนพัฒนาโครงข่าย 4G บนคลื่นความถี่ 1800 MHz ประมาณ 14,520 ล้านบาท ตอกย้ำโครงสร้างเงินทุนแข็งแกร่ง พร้อมเปิดให้บริการ 4G ตามแผน
(+) CWT ทุ่มทุน 30 ล้านบ. ซื้อ'แก้วลำดวนกรุ๊ป' เสริมฐานโรงไฟฟ้า (ทันหุ้น) CWT ทุ่มงบ 30 ล้านบาท วางมัดจำซื้อหุ้น 20% ในบริษัท แก้วลำดวน กรุ๊ป จำกัด พร้อมศึกษาความคุ้มค่าการลงทุน คาดเห็นชัดธันวาคมนี้หวังนำเปลือกไม้เป็นแหล่งวัตถุดิบป้อนโรงไฟฟ้าชีวมวล
(+) JMART ยอดขายพุ่งแรง 15% เดินหน้าเชิงรุกเปิดสาขาใหม่ (ทันหุ้น) JMART วางแผนปี 2559 กลับมาเปิดสาขาใหม่เชิงรุก เน้นกระจายตามหัวเมืองต่างจังหวัด มั่นใจยอดขายปีหน้าเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% รับอานิสงส์การเปิดใช้เครือข่าย 4จี พร้อมดันมาร์จิ้นสูง 18-19% ด้านธุรกิจที่เมียนมาพร้อมลุยต่อหลังเลือกตั้งเสร็จเรียบร้อย
(+) ORI ชี้อสังหาฯปีหน้าโต 15% รุกเปิด 10 โครงการหมื่นล้าน (กรุงเทพธุรกิจ) ออริจิ้น มั่นใจอานิงสงส์ลงทุนเมกะโปรเจครัฐ ดันอสังหาฯ ปีหน้าโต 10-15% เดินหน้าเปิด 10 โครงการใหม่ "หมื่นล้าน
Market strategy Thailand
จิตวิทยาตลาดวันนี้: --- ‘นัยต้าน 1342 จุด
วันนี้ หากดัชนี SET ดีดขึ้นปิดเหนือนัยต้าน 1342 จุดได้นั้น อาจผลักขึ้นในกรอบ 1342-1368 จุด แต่หากวันนี้ ดัชนี SET ลดลงหรือปิดต่ำกว่านัยต้าน 1342 จุดนั้น อาจคงแรงกดทางลงสู่แนวรับ 1325 จุด
แนวรับวันนี้: 1333/1325 แนวต้านวันนี้: 1342/1356
หมายเหตุ: (1) ระยะสั้นคือ 1-5 วันทำการ; (2) ระยะกลาง คือ 14-30 วันทำการ; (3) ระยะยาวคือมากกว่า 30 วันทำการ
ข่าวเด่น