ตลาดหุ้นโลกตกรูดทุกกระดาน โดยตลาดหุ้นอเมริกาปิดเมื่อคืนนี้ (8 ธ.ค.58) ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 17,568.00 จุด ลดลง 162.51 จุด หรือ -0.92% , ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,098.24 จุด ลดลง 3.57 จุด หรือ -0.07% และดัชนี S&P500 ปิด 2,063.59 จุด ลดลง 13.48 จุด หรือ -0.65%
ส่วนตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1.8% ปิดที่ 365.75 จุด,ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศส ปิดที่ 4,681.86 จุด ลดลง 74.55 จุด หรือ -1.57%,ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมัน ปิดที่ 10,673.60 จุด ร่วงลง 212.49 จุด หรือ -1.95% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอน ปิดที่ 6,135.22 จุด ลดลง 88.30 จุด หรือ -1.42%
ปัจจัยที่กดดันตลาดอย่างหนัก เนื่องจากนักทั่วโลกวิตกกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลก หลังจีนซึ่งเป็นตลาดนำเข้าและส่งออกรายใหญ่ของโลก ระบุ มูลค่าการค้าต่างประเทศของจีนในเดือนพ.ย.ปรับตัวลง 4.5% เมื่อเทียบรายปี สู่ระดับ 2.16 ล้านล้านหยวน (3.37 แสนล้านดอลลาร์) ซึ่งลดลงเป็นเดือนที่ 9 ติดต่อกัน ขณะที่การส่งออกของจีนในเดือนพ.ย.ลดลง 3.7% แตะ 1.25 ล้านล้านหยวน และการนำเข้าปรับลง 5.6% ที่ 9.10 แสนล้านหยวน ส่งผลให้ยอดเกินดุลการค้าขยายตัว 2% สู่ระดับ 3.431 แสนล้านหยวน
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤติพลังงาน หลังราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวลงต่อเนื่อง โดยหุ้นไดมอนด์ ออฟชอร์ ดริลลิง และหุ้นคินเดอร์ มอร์แกน ปรับตัวลงกว่า 3.5% และหุ้นอนาดาโค ปิโตรเลียม ร่วงลงแตระดับต่ำสุดในรอบกว่า 5 ปี เช่นเดียวกับหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลงเช่นกัน หลังจากราคาทองแดงอ่อนแรงลง โดยหุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอแรน ร่วงลง 6.8% และหุ้นอัลโคร่วงลงหนักสุดในรอบ 2 เดือน
รวมถึงปัจจัยเดิมๆ เรืิ่อง แนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.นี้ โดยนักลงทุนจับตาการประชุมของเฟดในวันที่ 15-16 ธ.ค.นี้ ว่าจะมีมติออกมาอย่างไร
ข่าวเด่น