ตลาดหุ้นโลกเมื่อวานปิดสวนทางกัน โดยตลาดหุ้นสหรัฐปิดเมื่ีอคืนนี้ (10 ธ.ค.58) บวกทุกกระดาน ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 17,574.75 จุด เพิ่มขึ้น 82.45 จุด หรือ +0.47% , ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,045.17 จุด เพิ่มขึ้น 22.30 จุด หรือ +0.44% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,052.23 จุด เพิ่มขึ้น 4.61 จุด หรือ +0.23%

ส่วนตลาดหุ้นยุโรปปิดเมื่อคืน(10 ธ.ค.58) เช่นกันค่อนข้างผันผวน ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับลง 0.3% ปิดที่ 363.21 จุด ,ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอน ปิดที่ 6,088.05 จุด ลดลง 38.63 จุด, -0.63% ,ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมัน ปิดที่ 10,598.93 จุด เพิ่มขึ้น 6.44 จุด หรือ +0.06% และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศส ปิดที่ 4,635.06 จุด ลดลง 2.39 จุด, -0.05%

ทั้งนี้ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดบวกเพราะได้รับแรงหนุนจากนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไร หลังดัชนีดาวโจนส์ร่วงลง 3 วันทำการจากความวิตกวิกฤติราคาพลังงานและกระแสคาดการณ์เฟดอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนนี้ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่จะประกาศสัปดาห์นี้ ทั้งดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ย.,ยอดค้าปลีกเดือนพ.ย., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนต.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนธ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
                
ส่วนสาเหตุที่ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลง เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤติราคาพลังงาน หลังราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกร่วงลงต่อเนื่อง โดยการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงานได้บดบังปัจจัยบวกที่จีดีพียูโรโซนขยายตัว 0.3% ในไตรมาส 3 เมื่อเทียบรายไตรมาส และพุ่งขึ้น 1.6% เมื่อเทียบรายปี จากปัจจัยบวกด้านการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นของภาคครัวเรือนและภาครัฐ รวมถึงการเพิ่มขึ้นของสต็อกสินค้า

ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศยุโรในวันนี้ ที่เยอรมนีจะประกาศตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ย. และฝรั่งเศสจะประกาศตัวเลขดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนต.ค.