ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
ไทยออยล์วิเคราะห์ราคาน้ำมันดิบปรับลดลงใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 11 ปี หลังได้รับแรงกดดันจากภาวะอุปทานล้นตลาดจนถึงปีหน้า


- ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงกว่าร้อยละ 5 หลังในรายงานประจำเดือน ธ.ค. ของสำนักงานพลังงานสากล (IEA) มีการคาดการณ์ว่าอุปทานน้ำมันดิบจะยังคงล้นตลาดจนถึงช่วงปลายปีหน้า เนื่องจากผู้ผลิตในกลุ่มโอเปกยังคงปริมาณการผลิตในระดับสูงเพื่อรักษาส่วนแบ่งการตลาด ประกอบกับอิหร่านที่คาดว่าจะกลับมาส่งออกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นในปีหน้าหลังได้รับการยกเลิกคว่ำบาตรจากกลุ่มชาติมหาอำนาจ (P5+1) ในเร็วนี้ ขณะที่ แม้ว่าในปีหน้าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอุปสงค์จากรายงานในเดือนก่อนหน้าอุปสงค์จะเริ่มเติบโตในอัตราที่ชะลอตัวลงจากปีนี้ หลังผลของราคาน้ำมันเริ่มปรับลดลง โดย IEA คาดอุปสงค์จะเติบโตอยู่ที่ระดับ 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีหน้า ลดลงจากในปีนี้ที่ระดับ 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน
  

- ด้วยผลของอุปทานที่ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องและอุปสงค์ที่มีการเติบโตในอัตราที่ชะลอตัวลง IEA คาดการณ์ว่าในปีหน้าปริมาณน้ำมันดิบคงคลังทั่วโลกจะปรับเพิ่มขึ้นกว่า 300 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ตาม ปริมาณน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นประมาณกว่า 230 ล้านบาร์เรลคาดว่าจะถูกจัดเก็บในถังเก็บน้ำมันดิบที่ก่อสร้างแล้วเสร็จในปีหน้าและสหรัฐฯ ที่ยังสามารถจัดเก็บได้อีกกว่าร้อยละ 30
  

- ผู้จัดการกองทุนปรับลดการถือสถานะ Net Long ในสัญญาซื้อขายน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสลงต่อเนื่องกว่า 5 สัปดาห์ติดต่อกัน โดยในรายงานของหน่วยงานกำกับดูแลอนุพันธ์ของสินค้าโภคภัณฑ์สหรัฐฯ (CFTC) พบว่าสำหรับสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 8 ธ.ค. ผู้จัดการกองทุนลดสถานะ Net Long ลง 4,999 สัญญา มาอยู่ที่ระดับ 74,253 สัญญา ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำสุดในปีนี้
  

+ ผลจากราคาน้ำมันดิบที่ยังคงปรับลดลงต่อเนื่องและอยู่ในระดับต่ำทำให้ผู้ผลิตน้ำมันดิบหลายรายยังคงปรับลดงบประมาณลงทุนในปีหน้าลงต่อเนื่อง ล่าสุด ConocoPhillips ประกาศลดงบลงทุนลงกว่าร้อยละ 25 ในปีหน้า ซึ่งสอดคล้องกับ Chevron เองมีวันก่อนหน้ามีการปรับลดงบลงทุนในปีหน้ากว่าร้อยละ 24 โดยรวมทั้งสิ้น งบลงทุนที่ปรับลดลงรวมกว่า 10.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
  

+ ผู้ผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ยังคงปรับลดการขุดเจาะน้ำมันดิบลงอย่างต่อเนื่องกว่า 14 สัปดาห์ติดต่อกัน หลังราคาน้ำมันดิบยังคงอยู่ในระดับต่ำ โดยจากรายงานของ Baker Hughes สำหรับสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 11 ธ.ค. พบว่าผู้ผลิตปรับลดจำนวนแท่นขุดเจาะลง 21 แท่นจากสัปดาห์ก่อนหน้า มาอยู่ที่ระดับ 524 แท่น ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำที่สุดในรอบ 5 ปี

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นสวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากตลาดน้ำมันเบนซินสหรัฐฯ ที่อุปสงค์ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับ ไต้หวันที่เลื่อนเปิดดำเนินการหน่วยผลิตน้ำมันเบนซินออกไปก่อนหลังยังไม่ได้รับความเห็นชอบจากภาครัฐในการเริ่มผลิต อย่างไรก็ดี ราคาถูกกดดันโดยปริมาณน้ำมันคงคลังที่สิงคโปร์ที่ปรับเพิ่มขึ้นกว่า 1.02 ล้านบาร์เรลจากสัปดาห์ก่อนหน้า
  

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงกดดันอุปทานจากจีน อินเดีย และตะวันออกกลาง ที่เพิ่มมากขึ้น ประกอบกับ อุปสงค์ทั้งที่ค่อนข้างเบาบาง เนื่องจากสภาพอากาศที่ไม่หนาวกดดันความต้องการใช้น้ำมันเพื่อทำความร้อนให้ปรับลดลง อย่างไรก็ดี ราคาได้รับแรงหนุนจากปริมาณน้ำมันคงคลังที่สิงคโปร์ที่ปรับลดลงกว่า 2.03 ล้านบาร์เรลจากสัปดาห์ก่อนหน้า

ทิศทางราคาน้ำมันดิบ

ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสสัปดาห์นี้เคลื่อนไหวที่กรอบ 34-39 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 36-42 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ปัจจัยที่น่าจับตามอง

  

การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 15-16 ธ.ค. นี้ โดยตลาดคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ หลังจากที่คงอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ระดับต่ำที่ร้อยละ 0 - 0.25 มานานกว่า 7 ปี หลังจากข้อมูลการจ้างงานที่แข็งแกร่ง ทั้งนี้กระแสการคาดการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ  มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น  และส่งผลให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งซื้อขายในสกุลดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้น
  

จับตารายงานของทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) ในวันที่ 15 ธ.ค. ว่าอิหร่านสามารถปฎิบัติตามข้อตกลงทั้งหมดได้หรือไม่ หากอิหร่านสามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อตกลงทั้งหมด จะส่งผลให้ได้รับการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรและกลับมาส่งออกน้ำมันดิบตามปกติภายในปีหน้า ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าอิหร่านอาจส่งออกน้ำมันดิบสู่ตลาดโลกมากขึ้นอีกราว 5 - 7 แสนบาร์เรลต่อวันภายในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2559
  

ตลาดน้ำมันดิบยังคงเผชิญกับภาวะอุปทานน้ำมันดิบล้นตลาดยังคงไม่คลี่คลาย หลังการประชุมกลุ่มโอเปกไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับเพดานการผลิตน้ำมันสำหรับช่วง 6 เดือนข้างหน้าได้  ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณให้ประเทศสมาชิกยังคงเดินหน้าผลิตน้ำมันดิบในระดับปัจจุบันต่อไปซึ่งเกินเพดานถึงวันละกว่า 1 ล้านบาร์เรล จากเพดานปัจจุบันที่ 30 ล้านบาร์เรล/วัน เพื่อรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดจากผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปกไว้
  

ติดตามทิศทางเศรษฐกิจยูโรโซน หลังจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับร้อยละ 0.05 และปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ร้อยละ 0.1 สู่ระดับ เป็นร้อยละ -0.3 (อัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ติดลงมีหมายความว่าธนาคารพาณิชย์ต้องจ่ายค่าฝากเงินให้กับ ECB) นอกจากนี้ ECB มีมติขยายระยะเวลาในการดำเนินมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ออกไปจนถึง มี.ค. 2560 จากเดิมที่จะสิ้นสุด ก.ย. 2559

 


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 14 ธ.ค. 2558 เวลา : 11:22:44

22-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 22, 2024, 2:30 am