ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
ตลาดหุ้นยุโรปดี้ด้า เพิ่งรับข่าวเฟดขึ้นดอกเบี้ย ขณะ "ดาวโจนส์" ร่วงระนาว 253.25 จุด หลังราคาน้ำมันหลุด 35 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ฉุดหุ้นพลังงานตกยกแผง


ตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปปิดตลาดเมื่อคืนนี้ (17 ธ.ค.58) สวนทางกัน โดยตลาดหุ้นยุโรปพุ่งขึ้น เพิ่งรับข่าวเฟดขึ้นดอกเบี้ย ขณะตลาดหุ้นอเมริกาฟุบลง หลังราคาน้ำมันหลุด 35 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ฉุดหุ้นพลังงานร่วงยกแผง

โดยตลาดหุ้นดาวโจนส์สหรัฐอเมริกา ปิดที่ 17,495.84 จุด ลดลง 253.25 จุด หรือ -1.43% ,ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,002.55 จุด ลดลง 68.58 จุด หรือ -1.35% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,041.89 จุด ลดลง 31.18 จุด หรือ -1.50%

ส่วนดัชนี Stoxx Europe 600 ตลาดหุ้นยุโรป พุ่งขึ้น 1.2% ปิดที่ 364.9 จุด,ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศส ปิดที่ 4,677.54 จุด เพิ่มขึ้น 52.87 จุด หรือ +1.14% , ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมัน ปิดที่ 10,738.12 จุด พุ่งขึ้น 268.86 จุด หรือ +2.57% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอน ปิดที่ 6,102.54 จุด เพิ่มขึ้น 41.35 จุด หรือ +0.68%

ปัจจัยที่กดดันตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ เนื่องจากหุ้นกลุ่มพลังงานดัชนีดิ่งลง หลังราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กร่วงลงหลุดจากระดับ 35 ดอลลาร์/บาร์เรล  โดยวานนี้สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค.ลดลง 57 เซนต์ หรือ 1.6% ปิดที่ 34.95 ดอลลาร์/บาร์เรล กดดันหุ้นเอ็กซอน โมบิล ดิ่งลง 1.5% หุ้นเชฟรอนร่วงลง 3.1% ส่วนหุ้นมาราธอน ออยล์ และหุ้นวิลเลียมส์ คอส ต่างก็ร่วงลงกว่า 7.2%
  

นอกจากนี้ การร่วงลงของราคาน้ำมัน ยังได้ฉุดราคาสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทอื่นๆ รวมถึงโลหะทองแดงร่วงลงด้วย และยังส่งผลให้หุ้นเหมืองแร่อ่อนแรงลง โดยหุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอแรน และหุ้นนิวมอนท์ ไมนิ่ง ดิ่งลงกว่า 7.7%
    

ทั้งนี้ นักลงทุนมองว่า วิกฤตราคาพลังงานอาจจะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจโลก และยังได้ฉุดตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ หลังจากที่ตลาดทะยานขึ้นแข็งแกร่งเมื่อวันพุธ ภายหลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% พร้อมกับแสดงความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐแข็งแกร่งเพียงพอที่จะรับมือกับต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้นในอนาคตได้
   

ขณะที่วานนี้กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้ว ลดลง 11,000 ราย สู่ระดับ 271,000 ราย ตัวเลขดังกล่าวต่ำกว่าระดับ 300,000 รายเป็นสัปดาห์ที่ 41 ติดต่อกัน  ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานยังคงมีความแข็งแกร่ง
 

ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขขาดดุลบัญชีเดินสะพัดพุ่งขึ้น 11.7% สู่ระดับ 1.2412 แสนล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3 ซึ่งเป็นระดับสุงสุดในรอบ 7 ไตรมาส โดยได้รับผลกระทบจากการขาดดุลรายได้ที่เพิ่มมากขึ้น
                
                
สำหรับตลาดหุ้นยุโรป ปัจจัยที่ส่งผลให้ดัชนีปิดพุ่งขึ้น เนื่องจากเพิ่งขานรับกรณีเฟดขึ้นดอกเบี้ย เนื่องจากวันก่อนหน้าปิดทำการไปก่อนที่มติเฟดจะออกมา ทำให้หุ้นกลุ่มการเงินดีดตัวขึ้นโดย หุ้นแมน กรุ๊ป และหุ้นอินเวสท์เทค ต่างก็ปรับตัวขึ้นอย่างน้อย 3.6% หุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด พุ่งขึ้น 7.3% นอกจากนี้ หุ้นบริษัทผลิตรถยนต์ปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วย เนื่องจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดส่งผลให้เงินสกุลยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ จึง
เป็นปัจจัยบวกต่ออุตสาหกรรมส่งออก โดยหุ้นโฟล์คสวาเกน และหุ้นเดมเลอร์ ปรับตัวขึ้น 3.3%
                

               
 


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 18 ธ.ค. 2558 เวลา : 11:21:40

22-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 22, 2024, 2:50 am