ตลาดหุ้นสหรัฐปิดเมื่อคืนนี้ (21 ธ.ค.58) ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 17,251.62 จุด พุ่งขึ้น 123.07 จุด หรือ +0.72% ,ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,968.92 จุด เพิ่มขึ้น 45.84 จุด หรือ +0.93% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,021.15 จุด เพิ่มขึ้น 15.60 จุด หรือ +0.78%
ขณะตลาดหุ้นยุโรปปิดเมื่อคืนนี้ (21 ธ.ค.58) ร่วงลง โดยดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1.1% ปิดที่ 357.15 จุด,ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศส ปิดที่ 4,565.17 จุด ลดลง 60.09 จุด หรือ -1.30% ,ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมัน ปิดที่ 10,497.77 จุด ร่วงลง 110.42 จุด หรือ -1.04% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอน ปิดที่ 6,034.84 จุด ลดลง 17.58 จุด หรือ -0.29%
ปัจจัยที่ผลักดันตลาดหุ้นนิวยอร์กเคลื่อนไหวในแดนบวก เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไร หลังดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงอย่างหนักติดต่อกัน 2 วันทำการ ผลจากราคาน้ำมันที่ลดลง ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน
ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้นด้วย โดยหุ้นเฟิร์สท์ โซลาร์ และหุ้นไมครอน เทคโนโลยี ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.8% ส่วนหุ้นแอปเปิล อิงค์ เพิ่มขึ้น 1.2% เนื่องจากนักลงทุนยังคงมีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มการทำกำไรของแอปเปิล หลังแอปเปิลเปิดเผยกำไรในไตรมาสที่สิ้นสุด ณ วันที่ 26 ก.ย. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 31% เพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของยอดขาย iPhone ในจีนซึ่งได้รับความนิยมอย่างมาก
นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มธนาคารยังเป็นปัจจัยที่ผลักดันตลาดโดยรวมให้ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยหุ้นเจพีมอร์แกน เชส เพิ่มขึ้น 1.8% หุ้นอินเวสโก เพิ่มขึ้น 3% หุ้นโคเมริกา อิงค์ และหุ้นคีย์คอร์ป เพิ่มขึ้น 1.3%
รวมทั้งหุ้นกลุ่มพลังงานที่ปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดย หุ้นเซาท์เวสเทิร์น เอนเนอร์จี และหุ้นคอนโซล เอนเนอร์จี พุ่งขึ้นกว่า 5.9% และหุ้น Oneok Inc พุ่งขึ้น 15% หลังบริษัทเปิดเผยแนวโน้มทางการเงินในปี 2559 ซึ่งรวมถึงแผนการจ่ายเงินปันผล
และหุ้นกลุ่มธุรกิจสุขภาพเพิ่มขึ้นเช่นกัน ขานรับข้อมูลของรัฐบาลสหรัฐที่ระบุว่า ชาวอเมริกันกว่า 6 ล้านคนได้ลงทะเบียนในโครงการ "โอบามาแคร์" ซึ่งเป็นโครงการตามกฎหมายประกันสุขภาพ Patient Protection and Affordable Care Act (PPACA) ที่ริเริ่มโดยประธานาธิบดีบารัค โอบามา โดยหุ้นเทเน็ท เฮลธ์แคร์ และหุ้นเอชซีเอ โฮลดิงส์ เพิ่มขึ้นกว่า 4.8%
สำหรับตลาดหุ้นยุโรป ปัจจัยที่กดดันให้ดัชนีร่วงลง ได้แก่ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในสเปน หลังพรรคประชาชน (PP) ของนายมาเรียโน ราฮอย นายกรัฐมนตรีสเปน คว้าที่นั่งส่วนใหญ่ในการเลือกตั้งทั่วไปของสเปน แต่ไม่สามารถคว้าเสียงข้างมากในสภา ทำให้การจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่เป็นเรื่องยาก เนื่องจากพรรค Podemos และพรรค Citizens (Ciudadanos) ก็ได้รับคะแนนเสียงไปส่วนหนึ่งเช่นกัน จึงกดดันตลาดหุ้นสเปนให้ร่วงลง โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มธนาคารของสเปน อาทิ หุ้นธนาคารบังโค ซานตานเดร์ และหุ้นบังโค บิลบาว วิซคายา อาร์เจนตาเรีย ที่ตกลงกว่า 4.7%
นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยลบจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่ร่วงลงด้วย โดยหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ดิ่งลงถึง 1.47% หลังราคาน้ำมันดิบเบรนท์ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 11 ปี โดยสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.พ.ลดลง 53 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 36.35 ดอลลาร์/บาร์เรล สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค.ขยับขึ้น 1 เซนต์ ปิดที่ 34.73 ดอลลาร์/บาร์เรล
ขณะที่ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดร่วงลงด้วย แม้ธนาคารกลางเยอรมนี (บุนเดสแบงก์) จะเปิดเผยว่า เศรษฐกิจเยอรมนียังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องในเดือนนี้ โดยการใช้จ่ายของผู้อพยพ และรายได้ที่เพิ่มขึ้น ได้ช่วยผลักดันการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
ข่าวเด่น