- ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยวานนี้ได้ปรับลดลงไปสู่ระดับที่ต่ำที่สุดในรอบ 11 ปี หลังจากความต้องการใช้น้ำมันเพื่อความร้อนนั้นปรับตัวลดลง จากอุณหภูมิที่สูงกว่าปกติในช่วงฤดูหนาว ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสนั้นได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากเข้าใกล้วันหมดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าสำหรับเดือนมกราคม แต่อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ว่าปริมาณน้ำมันดิบคงคลังจะปรับตัวสูงขึ้นอีกครั้งในสัปดาห์นี้
- นักวิเคราะห์ตลาดน้ำมันดิบ ได้คาดการณ์ว่านักลงทุนจะยังคงทดสอบจุดต่ำสุดของราคาน้ำมันดิบต่อไป หลังจากปัจจัยพื้นฐานของตลาดน้ำมันดิบ ยังบ่งบอกถึงสภาวะอุปทานล้นตลาด จากอุปสงค์ที่ได้รับแรงกดดันจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว รวมไปถึงกลุ่มโอเปกและรัสเซียยังคงระดับการผลิตน้ำมันดิบไว้เพื่อรักษาส่วนแบ่งการตลาดของตนเอง จากราคาน้ำมันดิบที่อยู่ในระดับต่ำได้กดดันผู้ผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ และอาจมีการปรับลดงบประมาณการลงทุนในการขุดเจาะน้ำมันในภูมิภาคอเมริกาเหนืออีกครั้ง ในเร็วๆนี้
- นายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ได้ลงนามในกฎหมายฉบับใหม่ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังจากสภาคองเกรสและสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ ได้ผ่านร่างกฎหมายยกเลิกการห้ามส่งออกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ซึ่งจะทำให้บริษัทน้ำมันในสหรัฐฯ สามารถส่งออกน้ำมันดิบได้หลังจากถูกห้ามการส่งออกน้ำมันดิบมาเป็นเวลา 40 ปี
- Adel Abdul Mahdi รัฐมนตรีว่าการกระทรวงน้ำมันของอิรักได้ออกมาเปิดเผยว่า กลุ่มโอเปกจะยังคงยึดมั่นในการตัดสินใจเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2558 ที่ผ่านมา ที่จะรักษาระดับการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มเอาไว้เพื่อที่จะรักษาส่วนแบ่งการตลาดและรายได้เอาไว้ ซึ่งหากจะมีการลดระดับการผลิต ผู้ที่จะต้องลดระดับการผลิตจะต้องเป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบนอกกลุ่มโอเปกเท่านั้น
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ จากปริมาณการซื้อขายที่เบาบาง เนื่องจากเข้าใกล้วันหยุดยาวในช่วงสิ้นปี อย่างไรก็ตามน้ำมันเบนซินยังคงได้รับแรงสนับสนุนจากอุปสงค์เพิ่มเติมจากประเทศศรีลังกาอยู่
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นสวนทางราคาน้ำมันดิบดูไบ ในขณะที่อุปสงค์น้ำมันดีเซลในภูมิภาคยังทรงตัว และได้รับแรงกดดันจากรักษาระดับปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังให้อยู่ในระดับต่ำในช่วงสิ้นปีของผู้ซื้อน้ำมันดีเซลในภูมิภาค
ทิศทางราคาน้ำมันดิบ
ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสสัปดาห์นี้เคลื่อนไหวที่กรอบ 34-39 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 36-42 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
อุปทานน้ำมันดิบส่วนเกินจากอิหร่านมีแนวโน้มที่จะเข้ามาสู่ตลาดโลกมากยิ่งขึ้น หลังล่าสุดทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) รายงานว่าได้ยุติการสอบสวนข้อสงสัยเรื่องการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่าน หลังได้ดำเนินการตรวจสอบอย่างต่อเนื่องมานานกว่า 12 ปี โดย IAEA เผยว่าไม่พบหลักฐานว่าอิหร่านพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์มาหลายปีแล้ว ทั้งนี้ ส่งผลให้อิหร่านสามารถกลับมาส่งออกน้ำมันดิบได้ในเร็วนี้
จับตาการประชุมสภาครองเกรสของสหรัฐฯ เพื่อผ่านร่างกฎหมายในการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรในการส่งออกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ โดยล่าสุดผู้นำของสภาครองเกรสสหรัฐฯ ได้เห็นพ้องให้มีการยกเลิกคำสั่งห้ามการส่งออกน้ำมันจากสหรัฐฯ หลังบังคับใช้มานานกว่า 40 ปี อย่างไรก็ตามข้อตกลงดังกล่าวยังคงต้องรอการอนุมัติจากทั้งสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภาสหรัฐฯ ในวันที่ 18 และ 22 ธ.ค. ตามลำดับ รวมถึงต้องมีการลงนามเพื่อเป็นกฎหมายจากประธานาธิบดี บารัค โอบามาก่อน
ตลาดน้ำมันดิบยังคงเผชิญกับภาวะอุปทานล้นตลาดอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ (สิ้นสุดวันที่ 11 ธ.ค. 58) ว่าปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.8 ล้านบาร์เรลขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 490.9 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงที่สุดของปี ทั้งนี้ ปริมาณน้ำมันดิบคงคลัง ณ เมืองคุชชิ่ง โอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบน้ำมันดิบสหรัฐฯ ก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน
จับตาทิศทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ หลังคณะกรรมการกาหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% จากระดับ 0-0.25%มาอยู่ที่ระดับ 0.25-0.50% ในการประชุมเพื่อกำหนดนโยบายเมื่อวันที่ 15-16 ธ.ค. ที่ผ่านมา ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ปรับตัวแข็งค่าขึ้น โดยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ถือเป็นการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 10 ปี เนื่องจากอัตราการว่างงานในสหรัฐฯ ลดลง ประกอบกับอัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
ข่าวเด่น